อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร หวนคืนสู่เวทีแสดงวิสัยทัศน์บนแผ่นดินไทยเป็นครั้งแรกหลังกลับไทยได้ครบหนึ่งปี โดยมีการพูดถึงทั้งเรื่องในประเทศ หนี้ครัวเรือน และบทบาทของไทยในโลกทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ทักษิณ ปรากฏตัวในงาน Vision for Thailand 2024 ที่จัดโดยเครือเนชั่น ณ ศูนย์การประชุมพารากอน ฮอลล์ กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
ในงานมีแขกเหรื่อจากวงการธุรกิจมาร่วมงานมากหน้าหลายตา เช่น คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บ.กัลฟ์ เอเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ สารัชถ์ รัตนาวะดี รวมถึงธนินท์ และศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการอาวุโส และซีอีโอเครือเจริญโภคภัณฑ์ ตามลำดับ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีคนในแวดวงการเมืองจากพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาธิปัตย์ร่วมอยู่ในงานด้วยเช่นกัน รวมถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โรเบิร์ต เอฟ.โกเดค ตามการรายงานของนิคเคอิ เอเชียและเดอะ สแตนดาร์ด
ทักษิณเริ่มต้นการบรรยายด้วยการพูดถึงการลี้ภัยในต่างประเทศนาน 17 ปี ที่บอกว่าเสมือนถูกส่งไปเรียนหลักสูตรวิจัยหลังหลังปริญญาเอก (post-doctoral) และการเดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อปี 2566 ก็เนิ่นช้าออกไป 6 เดือน เพราะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ
หลังจากนั้น อดีตนายกรัฐมนตรีใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงในการแสดงวิสัยทัศน์ในหลายประเด็น เช่น แนวทางของธุรกิจภาคการผลิต การเงิน และการบริการในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ปัญหายาเสพติด การปฏิรูประบบราชการ ไปจนถึงตำแหน่งแห่งที่ของไทยในภูมิศาสตร์การเมืองและเศรษฐกิจของโลก
รอยเตอร์รายงานเรื่องราวเมื่อค่ำคืนวันพุธว่า แม้อดีตผู้นำรายนี้ไม่ได้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการในรัฐบาล แต่เขาถือเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลสูงที่สุดในการเมืองไทย และเป็นที่คาดว่าจะเป็นผู้กำหนดแนวทางการเป็นนายกรัฐมนตรีของ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้อง
ในตอนหนึ่ง ทักษิณกล่าวว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตช้ามาเป็นเวลานาน และมีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ และพูดถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าเจตนารมณ์ของนโยบายคือการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความคุ้นเคยให้กับคนไทยในเรื่องโครงสร้างทางธุรกรรมและนิติกรรมดิจิทัล
แต่เมื่อมีการคัดค้านและความไม่เข้าใจ และมีงบกลางปี 2567 ที่ต้องใช้ภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งทาง “คณะกรรมการ” มาเล่าให้ฟังว่า จะใช้งบราว 145,000 ล้าน แจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบาง 13.5 ล้านคน และคนพิการอีกราว 1 ล้านคน คนละ 10,000 บาท เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเบื้องต้น ก่อนที่จะใช้งบในปีถัดไปกับประชากรที่เหลือที่ลงทะเบียนแล้ว
นิคเคอิเอเชีย จับตามองไปที่เรื่องการค้าระหว่างประเทศ ที่ทักษิณมองว่ารัฐบาลไทยต้องเตรียมตัวทั้งมาตรการจากสหรัฐฯ ที่ไทยได้ดุลการค้า และต้องสร้างกำแพงการค้าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของไทยจากการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนราคาถูก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานการปาฐกถาของทักษิณในประเด็นหนี้ครัวเรือน โดยปัจจุบันหนี้ครัวเรือนของไทยมีมูลค่าอยู่ที่เกือบ 91% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งเรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลังเลที่จะลดอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% ลง
ทักษิณเสนอว่า อาจต้องแสวงหาความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังต้องคุยกับธนาคารทั้งหมด ไม่เพียงเท่านั้นยังมีข้อเสนอแนะว่า นโยบายการเงินที่ ธปท. ดูแล และนโยบายการคลังที่กระทรวงการคลังดูแล ควรดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน โดยที่ยังเคารพความเป็นอิสระของ ธปท. อยู่
การปาฐกถาของอดีตนายกรัฐมนตรี เกิดขึ้นในช่วงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย หลังแพทองธารขึ้นเป็นนายกฯ คนที่ 31 ของประเทศ และอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ นำมาซึ่งคำถามว่านโยบายจากสมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จะดำเนินไปในทิศทางใด โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน ทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษสำหรับคดีที่ศาลฎีกาตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ก็ยังเหลือคดีถูกฟ้องว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ยังอยู่ในชั้นศาลและได้รับการประกันตัวเพื่อสู้คดี
อย่างไรก็ตาม ในการกลับมายืนบนเวทีหลังถูกรัฐประหารยึดอำนาจ ผ่านชีวิตของการลี้ภัยและกลับมารับคำพิพากษาของศาล ทักษิณกล่าวว่า ชีวิตของเขา ได้เห็นทั้ง “นรก-สวรรค์ ในชาติเดียวกัน” และไม่ได้ลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับตน แต่อยากจะอยู่กับปัจจุบันและอนาคตมากกว่า
- ที่มา: รอยเตอร์, บลูมเบิร์ก, นิคเคอิ เอเชีย, เดอะ สแตนดาร์ด