บริษัทด้านเทคโนโลยีหลายแห่ง ต่างกระโจนเข้าสู่ตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็นแอมะซอน ที่เตรียมพัฒนาผู้ช่วยอัจฉริยะ Alexa ให้สามารถช่วยโอนเงินผ่านบัญชีของแอมะซอนได้ หรือจะเป็น Apple ที่จับมือกับ Goldman Sachs ในการออกบัตรเครดิตภายใต้แบรนด์ Apple Pay ในปีหน้า รวมทั้งล่าสุด เฟสบุ๊ก เพิ่งปรับทัพบริหารเพื่อรองรับธุรกิจ Blockchain หรือตัวกลางในการทำธุรกรรมสำหรับสกุลเงินดิจิทัล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การรุกตลาดการเงินของบริษัทไอทีอเมริกัน สมเหตุสมผล เนื่องจากชาวอเมริกันมีอัตราการใช้บริการทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟนและแทปเล็ตมากขึ้น ซึ่งเคยทำให้ธนาคาร Bank of America JPMorgan Chase และธนาคาร Wells Fargo สามารถปิดสาขาหลายพันแห่งในช่วงวิกฤตการเงินสหรัฐฯ เมื่อ 10 ปีที่แล้วได้โดยไม่ส่งผลกระทบรุนแรงนัก
มุมมองของ Daniels Ives ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัทวิจัย GBH Insights มองว่า บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ ต้องการกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่คล่องตัว ขณะเดียวกันการเข้าถึงข้อมูลและพฤติกรรมทางการเงินจะช่วยในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดยิ่งขึ้น
ขณะที่ความกังวลถึงการคืบคลานเข้ามาในตลาดการเงินของบริษัทไอทีนั้น จะไม่ส่งผลกระทบกับภาคธนาคารอย่างที่คาด ในมุมมองของ Ben Elliott นักวิเคราะห์จาก Bloomberg ที่มองว่า ต้นทุนในการเข้าสู่ตลาดการเงินที่สูง ทำให้บริษัทไอทีส่วนใหญ่ เลือกที่จะสร้างพันธมิตรกับภาคธนาคารเพื่อลดข้อจำกัดด้านกฏระเบียบทางการเงินที่บริษัทเหล่านี้ไม่คุ้นเคย และเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้าได้ตามเป้าหมาย