เอฟบีไอระบุอาชญากรรมในสหรัฐฯลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่สอง

White House Security

เมื่อปีที่แล้ว ตามรายงานของเอฟบีไอ สหรัฐฯ มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น โดยอ้างอิงจากบันทึกการแจ้งของตำรวจทั่วประเทศ ชี้จำนวนอาชญากรรมลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่สอง

Your browser doesn’t support HTML5

FBI Crime Report

หน่วยงานสืบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ ระบุในรายงานประจำปี พ.ศ. 2561 ล่าสุดว่าอัตราการเกิดอาชญากรรมรุนแรงในสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่สอง

จากรายงาน ในปีที่แล้ว สหรัฐฯ มีกรณีอาชญากรรมรุนแรงประมาณ 369 ครั้งต่อประชากร 1 แสนคน ลดลงราว 3.9% เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2560 ถ้าเทียบกับสิบปีก่อนจะลดลงเกือบ 15% แต่ถ้าย้อนกลับไปเทียบกับช่วงราว 30 ปีที่แล้วซึ่งเป็นยุคที่สหรัฐฯ ประสบปัญหาอาชญากรรมรุนแรงบ่อยครั้ง ตัวเลขดังกล่าวปรับลดมากกว่า 50%

สำหรับกรณีฆาตกรรม ในจำนวนประชากรสหรัฐฯ 1 แสนคนมีเหตุ 5 ครั้ง ลดลง 6% เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2560 แต่ถ้าเทียบกับยุค พ.ศ. 2533 มีเหตุประมาณ 10 ครั้ง ถือว่าตัวเลขล่าสุดลดลงเกือบครึ่งเลยทีเดียว

การขยับขึ้นลงของจำนวนกรณีอาชญากรรม ยังเป็นที่ถกเถียงกันระหว่างผู้กำหนดนโยบายและนักอาชญาวิทยาในสหรัฐฯ

ทางด้านฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เชื่อว่าตัวเลขอาชญากรรมที่สูงในช่วง พ.ศ. 2558 - 2559 เป็นผลพวงมาจากนโนบายด้านคนเข้าเมืองของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา และตัวเลขที่ปรับลดในช่วงนี้ เชื่อว่ามาจากการเอาจริงกับอาชญากรรมและนโยบายการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลปัจจุบัน

แต่ทางด้านนายเอเมส กราเวิร์ท (Ames Grawert) นักอาชญาวิทยาจาก ศูนย์ Brennan Center for Justice จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ได้เขียนในรายงานว่า “จำนวนฆาตกรรม จำนวนอาชญากรรมรุนแรง และ จำนวนอาชญากรรมโดยรวมทั้งหมด เมื่อวัดจากทั้งสามดัชนีนี้ จะพบว่าจำนวนอาชญากรรมในสหรัฐฯ อยู่ในช่วงใกล้จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลงที่ดำเนินมามากกว่า 25 ปีแล้ว” ในรายงานของนายกราเวิร์ท ยังบ่งชี้ว่าแนวโน้มอาชญากรรมที่ลดลงอาจจะไม่ได้ครอบคลุมไปในทุกเมือง ฉะนั้นยังมีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับแนวทางใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยให้กับประชาชน

เอฟบีไอรายงานตัวเลขนี้ไม่กี่สัปดาห์ หลังจากที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เผยสถิติการสำรวจว่าเหยื่ออาชญากรรมรุนแรงในสหรัฐฯมีจำนวนเพิ่มขึ้นราว 22% ในช่วงสามปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การสำรวจทั้งสองนี้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งที่ต่างกัน ตัวเลขของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อ้างอิงจากยอดอาชญากรรมทั้งที่รายงานและไม่ได้รายงานต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในขณะทีเอฟบีไอนั้น สรุปมาจากยอดการแจ้งอาชญากรรมตามความสมัครใจของสำนักงานตำรวจหลายพันแห่งทั่วสหรัฐฯ

รายงานจากเอฟบีไอฉบับนี้ยังระบุถึงอาชญากรรมรูปแบบอื่นๆ เช่น ในประชากร 1 แสนคนมีจำนวนการปล้นอยู่ที่ 86.2 กรณี ลดลงราว 12% แต่เหตุข่มขืนกลับมีตัวเลขสูงขึ้น 42.6 กรณีเพิ่มขึ้นราว 2.1%

สำหรับเมืองขนาดใหญ่ที่มีผู้อาศัยเกิน 1 ล้านคน จำนวนกรณีฆาตกรรมปรับตัวลดลง เช่น ในประชากร 1 แสนคน เมืองชิคาโก้มีเหตุ 21 ครั้ง ลดลงราว 14% เมืองบัลติมอร์มี 51 ครั้ง ลดลงประมาณ 9% ในขณะที่เมืองนิวยอร์ก เมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ สถิติในปีที่แล้วดีขึ้นเล็กน้อย มีจำนวนกรณีฆาตกรรมทั้งสิ้น 287 ครั้ง ถ้าเทียบตัวเลขนี้กับช่วงยุค พ.ศ. 2533 ถือว่าลดลงมากถึง 87%