เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั่วโลก หลังน้องเทนนิส หรือ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดชาวไทย คว้าเหรียญทองบนเวทีการแข่งขันระดับโลกที่โอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
วีโอเอไทยได้มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์นักกีฬาหญิงที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกให้แก่ทัพนักกีฬาเทควันโดไทย ที่โรงแรมในจังหวัดภูเก็ต
เสียงขานชื่อนักกีฬาสาวชาวไทย พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือ น้องเทนนิส แชมป์เหรียญทองโอลิมปิกกีฬาเทควันโดรุ่น 49 กิโลกรัม ดังก้องสถานแข่งขันที่โตเกียวเกมส์ 2020 ณ ประเทศญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม
อันดับแรก ก็จะเอาไปผ่อนบ้านให้พ่อค่ะ เพราะว่าเมื่อปีที่แล้วซื้อบ้านค่ะ เราก็เป็นหนี้อยู่หลายล้านมากนะคะ
พาณิภัค เล่าให้วีโอเอไทยฟังถึงความรู้สึกในการสร้างประวัติศาสตร์ให้ทัพนักกีฬาไทย และความภาคภูมิใจแก่กองเชียร์ชาวไทยทั่วโลกที่ต่างลุ้นจนตัวโก่งในช่วง 7 วินาทีสุดท้ายที่เธอสามารถพลิกเกมส์และกลับมาชนะคู่แข่งจากประเทศสเปนได้อย่างหวุดหวิด ว่า
“พอมันทำได้ทุกอย่างคือแบบทุกอย่างมันโล่งมากๆ มันทำได้สักที...แล้วมันเป็นเหรียญแรกของทัพนักกีฬาเทควันโดในประวัติศาสตร์ คือยังไม่มีค่ะเหรียญทองโอลิมปิกเลยในเทควันโดค่ะ เราทำมันได้แล้ว ก็ดีใจมากที่ปลดล็อคให้กับทีมได้ค่ะ”
Your browser doesn’t support HTML5
ตารางการซ้อมสุดหฤโหด ที่ช่วยให้เธอคว้าแชมป์มาครองได้
กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ พาณิภัคบอกว่าเธอต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างมหาโหดเป็นเวลาหลายเดือน
สาวน้อยทื่เลื่องชื่อเรื่องพลังเตะแบบสุดพิฆาตอธิบายถึงโปรแกรมการฝึกคร่าวๆ ว่า
“การฝึกซ้อมของเราคือเป็นเต็มเวลาทั้งวันเลยค่ะ ตื่นตี 5 ครึ่ง ถึง 6 โมงเช้า มาวิ่งถึง 8 โมงเช้าค่ะ เป็นโปรแกรมวิ่งที่เหนื่อยมากๆ เหนื่อยหัวใจจะหลุดออกจากอกแล้วค่ะ Heart rate ขึ้นไปจะ 200 คือแบบจะตายแล้วจริงๆ แต่ยังไม่ตายค่ะ (หัวเราะ)...ไปต่อรอบกลางวันนะคะ ตอน 11 โมงถึงเที่ยงนี้ รอบนี้จะเป็น weight training ค่ะ...พอซ้อมรอบ 2 เสร็จ ก็จะนอนพักแล้วก็ซ้อมรอบเย็น...แล้วหลังจากนั้นก็กินข้าว เสร็จ 2 ทุ่ม ก็ไปคุยกับนักจิตวิทยา คือต้องฝึกจิตใจด้วยค่ะ เสร็จก็ไปกายภาพ ไปบู๊ทส์ตัวเองและร่างกายค่ะ จนถึง 4 ทุ่มก็รีบเข้านอน...ทุ่มเทให้มันสุดฤทธิ์สุดเดชไปเลยค่ะ“
2 ข้อคิดสำคัญที่ช่วยให้น้องเทนนิสคว้ารางวัลต่างๆ มาได้
ส่วนเรื่องเคล็ดลับในการประสบความสำเร็จ พาณิภัคสรุปให้ฟังว่าการลงมือปฏิบัติและการมีทัศนคติที่บวกและนั้นเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ เธอบอกว่าสามารถใช้ได้กับทุกอาชีพ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นนักกีฬาเหมือนเธอก็ได้
“ไม่ใช่เพียงแค่ฝันเท่านั้น เพราะฝันมันไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้แน่นอนค่ะ เราต้องลงมือทำ อย่างน้อยเราก็มีโอกาสสำเร็จ 1% หรือ 2%แน่นอนค่ะ ถ้าเรามัวแต่ฝันนั่นคือ 0% ค่ะ อยากให้ลงมือทำกับความฝัน แล้วก็สิ่งที่ชอบนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยค่ะ...ตอนที่ท้อ ก็มีคุยกับนักจิตวิทยาค่ะ แล้วก็บอกตัวเองว่า ตั้งเป้าหมายไว้ คือหนูก็ตั้งเป้าหมายชัดเจนมากๆค่ะ คือหนูอยากได้เหรียญทอง...ก็บอกตัวเองว่าต้องอดทน เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ ความเหนื่อยอันนี้นะมันไม่ตายหรอก (เวลา)มันผ่านไปแล้วมันผ่านไปเลย”
เหรียญทองโอลิมปิก และ ช่อดอกไม้แห่งชัยชนะ ที่ไม่ธรรมดา
สำหรับเหรียญทองโอลิมปิกที่เปรียบเสมือนรางวัลสูงสุดของนักกีฬาทั่วโลกที่พาณิภัคคว้ามาได้ ก็มีความพิเศษในด้านอื่นๆ อีกด้วย เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นได้เก็บสะสมขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ใช้แล้ว ราว 78,985 ตันจากทั้งเมืองเล็กและใหญ่ถึง 1,621 ทั่วประเทศ มาหลอมรวมเป็นเหรียญรางวัลทั้งสามชนิด
ส่วนช่อดอกไม้แห่งชัยชนะที่นักกีฬาโอลิมปืกได้รับนั้นก็มีเรื่องราวที่สะท้อนถึงความหวังและความแข็งแกร่งของคนในประเทศ
น้องเทนนิสยกเหรียญทองโอลิมปิกขึ้นมาให้ดู ขณะอธิบายถึงความไม่ธรรมของรางวัลชิ้นนี้ “อันนี้ก็คือเหรียญที่ทำมาจากขยะรีไซเคิลค่ะ...เป็นเหรียญที่ทางญี่ปุ่นเขาคิดมาดีมากๆ เลยค่ะ แล้วก็มีช่อดอกไม้ ช่อดอกไม้มันก็มีเรื่องราวที่ดีมากเลยค่ะ เขาไปเก็บมาจากที่มีสึนามิและก็แผ่นดินไหวในปี 2011 ค่ะ ทุกอย่างมีเรื่องราวที่ดีมากๆ แล้ว เราก็ไม่อยากทิ้งเลยทั้งที่เป็นดอกไม้สด ก็จะเก็บไว้ใส่กล่องมาให้สวยๆ แน่นอน”
กักตัว Phuket Sandbox ในฐานะทูตกีฬาและท่องเที่ยว
หลังจากแข่งขันที่กรุงโตเกียวเสร็จ ฮีโร่สาววัย 24 ปีก็บินลัดฟ้ากลับประเทศไทยและเข้ากักตัวกับโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ซึ่งเป็นการกักตัวที่อนุญาตให้ผู้ที่เข้าร่วมสัมผัสความงามและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ภายในเกาะภูเก็ตได้
ทั้งนี้ พาณิภัค ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตการกีฬาและท่องเที่ยวจากรัฐบาลไทยอีกด้วย
“ก็มากักตัวที่ภูเก็ตค่ะ ก็ได้ไปเที่ยวทะเล แล้วก็ไปกินอาหารทะเล เป็นคนชอบอาหารทะเลมาก มาครั้งนี้คือได้กินแบบสมใจอยากเลย เพราะว่าอดอาหาร ควบคุมน้ำหนักมาเป็นเวลาหลายเดือนมากๆค่ะ..กินกุ้งย่าง ปลาหมึกย่าง หอย ทุกอย่าง ชอบกินมากๆ ครั้งนี้คือแบบว่าเป็นอะไรที่สุดแล้วจริงๆ ได้ทำทุกอย่าง แบบได้ไปเที่ยวมากกว่าในชีวิตนี้ที่ไปมาอีก ไปเที่ยวทะเลมา 3-4 วันติด ได้ไปพายคายัดที่เกาะเฮค่ะ เป็นเรือท้องใสด้วย ก็เห็นปะการังข้างล่างสวยมากๆ ค่ะ”
เมื่อถามถึงบรรยากาศการท่องเที่ยวท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโคโรนาไวรัสที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด พาณิภัคเน้นถึงเรื่องการดูแลตนเองขณะกักตัวภายใต้โครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ว่า
”ตอนนี้ไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น เราต้องใส่แมสเข้าหากันตลอดเพราะว่าเคสมันก็เพิ่มขึ้นทุกวัน ก็ต้องมองว่าคนนี้ติดแน่เลย เราก็ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ป้องกันตัวเองไว้ดีกว่า แล้วก็ใส่แมส ล้างมือบ่อยๆ ล้างเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งที่ทำอะไรเสร็จ ก็ป้องกันตัวอย่าง 100% ค่ะ”
เงินรางวัลอัดฉีดกว่า 13 ล้านบาท จะใช้ทำอะไร?
นักกีฬาสาวคนนี้ได้รับเงินรางวัลอัดฉีดจากหน่วยงานและแบรนด์ต่างๆ กว่า 13 ล้านบาท เธอบอกวีโอเอถึงแผนการใช้เงินก้อนนี้ว่า
“อันดับแรก ก็จะเอาไปผ่อนบ้านให้พ่อค่ะ เพราะว่าเมื่อปีที่แล้วซื้อบ้านค่ะ เราก็เป็นหนี้อยู่หลายล้านมากนะคะ...เพราะว่าพ่อก็มาจากต่างจังหวัดที่สุราษฎร์ธานี ในตอนแรกต้องนั่งรถทัวร์ไปกลับเพื่อมาหาลูกทุกเสาร์อาทิตย์นะคะ ตอนนี้คือแบบว่าเราก็มีเงินที่จะให้พ่อได้อยู่ใกล้ๆเ รา แล้วพ่อก็มาเติมกำลังใจให้หนูเวลาฝึกซ้อมได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ….อีกอย่างก็จะเปิดยิมเล็กๆ สอนเด็กๆ แล้วก็เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนลุกขึ้นมาสู้ แบบเด็กตัวเล็กๆอย่างเรายังทำได้เลย”
น้องเทนนิสบอกว่า ยิมที่อยากจะเปิดในอนาคตจะเป็นยิมสำหรับฝึกเล่นเทควันโด้โดยเฉพาะ ซึ่งเธอจะรับหน้าที่เป็นผู้สอนเอง เธอบอกว่านักเรียนทุกคนจะต้องผ่านการฝึกเวอร์ชั่นเต็มจากเธอ
SEE ALSO: “เทนนิส-พาณิภัค” คว้าเหรียญทองโอลิมปิกแรกให้ทัพนักกีฬาไทย
เป้าหมายในอนาคต ไม่หยุดเพียงเหรียญนี้
สำหรับแผนในอนาคต พาณิภัคตั้งใจที่เข้าแข่งขันเทควันโด้บนเวทีระดับโลกอีกหลายๆ ครั้ง เพื่อที่จะคว้าเหรียญทองมาให้ประเทศไทยอีก อย่างไรก็ตาม เธอบอกว่าเธอจะไม่กดดันตัวเอง แต่ทำทุกการแข่งขันให้ดีและสุดความสามารถของเธอ
ไม่ใช่เพียงแค่ฝันเท่านั้น เพราะฝันมันไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้แน่นอนค่ะ เราต้องลงมือทำ อย่างน้อยเราก็มีโอกาสสำเร็จ 1% หรือ 2%แน่นอนค่ะ ถ้าเรามัวแต่ฝันนั่นคือ 0% ค่ะ
“จะต้องทำผลงานต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้หยุดเพียงแค่เหรียญทองเหรียญนี้เท่านั้นแน่นอนค่ะ
กลับไปจากนี้ก็ ต้องฝึกซ้อมหนักขึ้นแน่นอน เพราะว่าเราเป็นที่หนึ่ง คนก็จ้อง จะมาล้มเรา เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงการเล่นไปเรื่อยๆให้คนจับทางไม่ได้ค่ะ เป้าหมายก็คือ อยากได้เหรียญทองโอลิมปิกครั้งนึง อยากได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์อีกครั้งนึง เหรียญทองแชมป์โลกอีก 3 สมัย”
ท้ายนี้นักกีฬาสาวบอกว่า ถ้าเธอไม่ซ้อมกีฬา งานอดิเรกของเธอก็คือการไปเที่ยวร้านกาแฟที่น่ารักๆ ตามที่ต่างๆ และถ่ายรูปลงในโชเชียลค่ะ
(เรื่องและภาพ โดย จณิน ภักดีธรรม / วีโอเอ ภาคภาษาไทย / รายงานจากจังหวัดภูเก็ต)