Your browser doesn’t support HTML5
‘วีโอเอ ไทย’ สนทนาพิเศษ กับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ในระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ในหลายเมืองใหญ่ และหลายภารกิจ ทั้งการเข้าหารือกับวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เรื่องการนำวัคซีนเข้าไทย โดยเฉพาะ การเข้าพบ พ.ท.หญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกเชื้อสายไทย พรรคเดโมแครต ที่กลายเป็นประเด็นร้อนเรื่องการส่งมอบวัคซีนบริจาคของสหรัฐฯ ไปยังประเทศไทย ก่อนหน้านี้
รวมทั้งการเข้าพบ นาย มิตต์ รอมนีย์ วุฒิสมาชิกรัฐยูทาห์ จากพรรคริพับลิกัน นอกจากนี้ยังเดินสายในหลายเมืองใหญ่ เพื่อมุ่งมองหาและเพิ่มช่องทางให้สินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังพูดคุยความคืบหน้าทางการเมืองของพรรคไทยสร้างไทย การตั้งเป้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงมุมมองต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ที่ทาง ‘วีโอเอ ไทย’ เรียบเรียงบันทึกการสนทนาเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา จากนครลอส แอนเจลิส
วีโอเอไทย ถาม: สรุปภารกิจในการเดินทางเยือนสหรัฐฯ มีอะไรบ้าง จุดประสงค์หลักในการเดินทางครั้งนี้คืออะไร บรรลุผลตามที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่
ประเด็นแรกคือ การเดินทางครั้งนี้ตั้งใจคุยกับสมาชิกวุฒิสภาสองท่าน คือคุณลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ จากพรรคเดโมแครต และคุณมิตต์ รอมนีย์ จากพรรคริพับลิกัน โดยดิฉันมาแสวงหาความร่วมมือในการที่จะทำยังไงร่วมมือกันในการคุมโควิดให้เร็วที่สุด ในขณะที่ไทยเคยติดต่อสหรัฐฯ เมื่อหลายเดือนที่แล้ว ในช่วงที่เผชิญวิกฤติและไม่มีวัคซีนที่มีคุณภาพเพียงพอ
พบวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ หาช่อง ‘ท้องถิ่น’ ไทยเข้าถึงวัคซีน
ดิฉันชื่นชมคุณแทมมี ซึ่งท่านมีเชื้อสายไทย และมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ในไทยอย่างยิ่ง คุณแทมมีมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้สหรัฐฯ บริจาควัคซีน 2.5 ล้านโดสให้รัฐบาลไทยทั้งที่เราไม่อยู่ในโคแวกซ์ ซึ่งไทยรับไปแล้ว 1.5 ล้านโดส โดยคุณแทมมีให้คำแนะนำที่ดีคือ ให้ไทยเข้าโคแวกซ์โดยเร็วเพื่อจะได้มีโอกาสในการรับบริจาคและซื้อวัคซีนให้เร็วขึ้น ซึ่งเข้าใจว่ารัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอยู่ คุณแทมมียังระบุว่า จะหารือกับประธานาธิบดีและฝ่ายความมั่นคงเพื่อหาวัคซีนให้กับคนไทย และมีการพูดคุยกับคุณมิตต์ รอมนีย์ ซึ่งเป็นคณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุข ถึงความร่วมมือวัคซีนและยาที่มีประสิทธิภาพในอนาคต
ดิฉันพูดคุยกับวุฒิสมาชิกทั้งสองท่านว่า ดิฉันได้เสนอมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วถึงช่วงเดือนมกราคม โดยรัฐบาลไทยควรอนุญาตให้ท้องถิ่นของไทย เอกชนไทย ซื้อวัคซีนได้ เพื่อช่วยให้ไทยสามารถมีวัคซีนได้มากขึ้น ซึ่งเรายังคงต้องฉีดวัคซีนปีละ 1-2 เข็มต่อไปตราบใดที่ยังไม่มียาหรือวัคซีนที่มีคุณภาพต่อต้านเชื้อกลายพันธุ์ ซึ่งวุฒิสมาชิกทั้งสองท่านก็รับไปพิจารณาทั้งเรื่องของการบริจาควัคซีน และโอกาสในการขายวัคซีนให้เอกชนในไทย
หากเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนซื้อวัคซีนเองได้ เขาก็สามารถดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่อง ไม่เสียโอกาส เช่น โรงงานที่ผลิตสินค้าส่งออก ไม่ต้องปิดๆ เปิดๆ ทั้งที่มีคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ เข้ามามากมายในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้น นอกจากนี้ การเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นนำเข้าวัคซีนได้เอง ยังทำให้การจัดการฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากภาคท้องถิ่นจะทราบถึงลำดับความสำคัญในการให้วัคซีน เช่น ควรฉีดวัคซีนแก่ผู้ทำงานบริการตามร้านอาหารก่อน
Your browser doesn’t support HTML5
พลิกวิกฤตโควิดเป็นโอกาส หาตลาดสินค้าเกษตรให้คนตัวเล็ก
ประเด็นที่สองคือความร่วมมือด้านการค้า เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ฟื้นแล้ว เราจะทำอย่างไรถึงจะพลิกวิกฤตระหว่างโควิดให้เป็นโอกาสของทั้งสองประเทศในการเพิ่มมูลค่าการค้าขายระหว่างกันได้ โดยเฉพาะสินค้าจากประเทศไทยที่ได้รับความนิยมในสหรัฐฯ เช่น สินค้าสุขภาพอย่างสินค้าเกษตรปลอดภัย
ดิฉันยังมีอีกภารกิจคือ การนำสินค้าเกษตรมาโดยเฉพาะข้าวอินทรีย์จากเกษตรกรรายย่อย คนตัวเล็ก มาเปิดตลาดตามที่ต่างๆ ในสหรัฐฯ เช่น มหานครนิวยอร์ก กรุงวอชิงตัน รัฐฟลอริดา นครชิคาโก นครลอสแอนเจลิส โดยในช่วงไม่กี่วันมานี้ ทางเราได้พูดคุยกับร้านอาหารไทยต่างๆ และขายข้าวได้ 6,000 กิโลกรัม ซึ่งทางเราอยากให้มีการขายได้มากกว่านี้โดยเป็นการซื้อตรงจากเกษตรกร และทางเรายังได้พูดคุยกับนักธุรกิจชาวไทยและชาวอเมริกันที่ดูแลตลาดสินค้าไทยและสินค้าเอเชีย เพื่อเปิดช่องทางนำสินค้าของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายเล็กในไทย เช่น สินค้าเกษตร อาหาร เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อาหารเสริม มาขายในสหรัฐฯ ได้ รวมถึงเพิ่มช่องทางออนไลน์และช่องทางสำหรับร้านขายส่งด้วย
มุ่งติวเข้มผู้ประกอบการรายเล็ก หวัง SMEs ไทยเติบโตในอเมริกา
อย่างไรก็ตาม การนำสินค้าไทยเข้ามาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องทำสลาก มีการขออนุญาตให้ถูกต้อง ทางเราโชคดีที่ได้คนไทยมาเป็นที่ปรึกษา จะมีการประชุม รับสมัคร ทั้งส่งสินค้ามาและจะมีนักธุรกิจจากอเมริกามาดูสินค้าจริง เยี่ยมสถานที่ผลิต และเปิดหลักสูตรอบรม นำผู้เชี่ยวชาญด้านการทำสลากและด้านภาษีมาแนะนำออนไลน์ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการรายเล็ก
นอกจากนี้ ทางเรายังมีการพูดคุยกับนักธุรกิจชาวอเมริกันที่นำเข้าผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปจากไทย เช่น ถุงมือเกรดต่างๆ ทั้งนี้ ราคายางในไทยตกมาก มีความต้องการถุงมือยางล้น แต่มีอุปทานสนับสนุนไม่พอ โจทย์ของเราคือทำอย่างไรให้เกษตรกรขายยางได้ในราคาเพิ่มขึ้น โดยหลังจากกลับไปจะมีการประชุมกับสมาคมชาวสวนยางในไทยในประเด็นดังกล่าว
วีโอเอไทย ถาม: เหตุใดจึงต้องการเปิดทางให้สินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ
ดิฉันมองว่าตลาดสหรัฐฯ ใหญ่ เพราะนอกจากกลุ่มลูกค้าคนไทยก็ยังมีคนลาว และคนเอเชียที่มีรสนิยมการบริโภคที่คล้ายคลึงกัน
นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวเร็วมากหลังช่วงโควิด ซึ่งคืออำนาจการซื้อมหาศาล โรคโควิด-19 ทำให้มีความนิยมในสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสของไทยในการส่งสินค้าเกษตรปลอดภัย สินค้าเพื่อสุขภาพจากธรรมชาติ เช่น อาหารเสริม สมุนไพรไทย ทั้งแปรรูปและไม่แปรรูปให้มาขายที่สหรัฐฯ เท่าที่ดิฉันลองสังเกตตามร้านขายผลิตภัณฑ์อินทรีย์ที่นี่ เช่น Trader’s Joe และ Whole Food Market จะเห็นว่าสินค้ามีราคาแพงแต่กลับขายดี
ในวิกฤตของโควิด มันก็เป็นโอกาสของไทยที่เรามีพื้นฐานที่แข็งแรงเรื่องการเกษตร เราเป็นศูนย์กลางผลิตอาหารป้อนคนทั้งโลก อาหารของไทยเป็นอาหารสากลได้สบาย และยังเป็นที่จดจำในฐานะอาหารเพื่อสุขภาพ
จากการพูดคุยกับบริษัทที่นำเข้าสินค้าจากเอเชีย สิ่งที่เขาเตือนเรามาคือ สินค้าไทยขายได้น้อยลงเรื่อยๆ ทั้งที่จริงเขาพอใจในสินค้าไทย มันติดปัญหาบางอย่าง เช่น สั่งสินค้าแล้วมาส่งได้ไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ อาหารไทยไม่ควรวางตำแหน่งการแข่งขันในตลาดที่ราคา แต่ควรแข่งที่คุณภาพ
นอกจากนี้ ไทยยังเป็นประเทศที่รับผลิตสินค้ายี่ห้อต่างชาติ แต่สุดท้ายต่างชาติที่สั่งทำสินค้าก็จะไปสั่งทำจากประเทศอื่นที่มีต้นทุนและวัตถุดิบถูกกว่าไทย เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะสร้างยี่ห้อเป็นของตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางเราตั้งใจจะผลักดันหลังกลับไปยังไทย
พบคนไทยในสหรัฐฯ แลกเปลี่ยนความคิดทิศทางการเมืองไทย
ดิฉันยังได้พบกับสมาคมคนไทยในสหรัฐฯ นักธุรกิจคนไทยที่ประสบความสำเร็จ เช่น เจ้าของร้านแม็คโดนัลด์หลายสาขา เจ้าของร้านขายส่งสินค้าขนาดใหญ่ พบกับคนรุ่นใหม่เชื้อสายไทยที่ประสบความสำเร็จ เช่นนักดับเพลิงหญิง ตำรวจในนครลอสแอนเจลิส นายหน้าขายบ้าน และยังได้พบกับนักศึกษาไทยที่นี่ ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกัน ทุกคนห่วงเมืองไทย นักศึกษาไทยก็ห่วงเรื่องประชาธิปไตย ห่วงเรื่องสิทธิมนุษยชน มีความร่วมมือช่วยกันทำให้ไทยกลับสู่ประชาธิปไตย ใหเมีการแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย และมีการพูดคุยถึงสิทธิเสรีภาพที่ถูกละเมิด
วีโอเอไทย ถาม: ความคืบหน้าทางการเมืองของพรรคไทยสร้างไทยขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง เช่น การล่าชื่อฟ้องพลเอกประยุทธ์เรื่องการบริหารผิดพลาด และล่าชื่อกดดันให้มีการทำประชามติตามวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
พรรคไทยสร้างไทยประกาศเดินหน้าพรรคเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เราจดทะเบียน มีสาขาตามกฎเกณฑ์เรียบร้อย และตั้งใจส่งผู้สมัคร(สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) ทั้งประเทศทุกเขตการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะตามกติกาเลือกตั้งใดก็ตาม อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเราอาจติดเรื่องโควิด ทำให้เราต้องทุ่มสรรพกำลังไปช่วยประชาชน
ดิฉันตั้งใจนำประสบการณ์สามสิบปีมาเป็นสะพานเชื่อมคนใหม่ๆ ที่อยู่นอกการเมืองแต่มีความรู้ความสามารถให้เข้ามาสู่การเมือง โดยดิฉันจะวางตนเป็นเสาเข็ม และต้องการคนมีความรู้มาต่อเติมตึกนี้เพื่อสร้างประเทศไทยที่ดีที่สุด
ขณะนี้เราเจอปัญหาการเมือง ซึ่งทำให้เศรษฐกิจก็แย่ สังคมก็แย่ตามมา และมาเจอโควิดอีก เรามองว่ารากเหง้าของปัญหาต้องดูที่การแก้รัฐธรรมนูญ และไม่ได้แก้ด้วยรายมาตรา ไม่ใช่แก้แค่เรื่องระบบเลือกตั้ง เพราะจะไม่ทำให้หลุดพ้นการสืบทอดอำนาจเผด็จการได้
เผยจุดยืนแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ปลดล็อคการเมืองไทย
หากแก้แค่ระบบเลือกตั้ง สมมติว่าฝั่งประชาธิปไตยชนะ ก็ต้องดูว่าจะสามารถได้คะแนนเสียงมากจนสามารถผ่านด่านวุฒิสมาชิก 250 คนได้หรือไม่ ซึ่งแม้จะผ่านไปได้ แต่ก็จะเจอด่านที่สองด่านที่สามต่อไป นี่คือฤทธิ์เดชของรัฐธรรมนูญที่ฝังชิพมาเพื่อให้ยึดอำนาจของรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากฝั่งเผด็จการ หรือรัฐบาลฝั่งประชาธิปไตยได้ง่ายมาก
หากรัฐบาลมาจากพรรคฝั่งประชาธิปไตย จะอยู่ได้ไม่เกิน 3-6 เดือน จะโดนคว่ำโดยกลไกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ง่ายๆ เลย ยกตัวอย่างเช่น การแถลงนโยบายที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่า ต้องแจกแจงนโยบายที่จะทำว่าจะเอาเงินมาจากที่ใดบ้าง ซึ่งพลเอกประยุทธ์เองก็แถลงนโยบายผิด แต่องค์กรอิสระเป็นฝั่งเขาก็ไม่ผิดอะไร แต่ฝั่งประชาธิปไตยจะผิดตั้งแต่ไม่สามารถชี้แจงนโยบายได้ตามที่เขียนในรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ยังต้องปฏิบัติตามเรื่องอื่นๆ เช่น แผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปี ซึ่งกลไกเหล่านี้มีโทษอาญา ทำให้การล้มรัฐบาลทำได้โดยไม่ต้องนำรถถังออกมาอีกแล้ว ซึ่งด่านเหล่านี้จะแก้ไม่ได้หากไม่แก้รัฐธรรมนูญ และให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเกิดขึ้น
สิ่งที่พรรคไทยสร้างไทยกำลังพยายามทำคือ การเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าทางออกจากวิกฤตการเมืองคือการคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านทางประชามติว่า จะร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนหรือไม่ ถ้าทุกฝ่ายเห็นว่าจะนำสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาร่าง ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับ เพราะมันมาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน แต่ถ้าประชาชนบอกว่ายอมรับรัฐธรรมนูญปีพ.ศ. 2560 ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับ ผ่านทางประชามติ การออกจากวิกฤตการเมืองแบบสันติวิธีและถูกต้องตามกฎหมายคือ การทำประชามติ และต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในอีก 16-17 เดือนข้างหน้านี้
เดินหน้าถนนการเมืองในนาม ‘ไทยสร้างไทย’
เราตั้งเป้าว่าจะเริ่มทำแคมเปญล่าชื่อกดดันรัฐบาลเพื่อให้ทำประชามติในประเด็นนี้ในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งคาดว่าสถานการณ์โควิดอาจดีขึ้น เราก็ทำกิจกรรมล่าชื่อได้ โดยก่อนที่ดิฉันจะมาที่สหรัฐฯ ได้พูดคุยกับองค์กรภาคประชาธิปไตยหลายองค์กร รวมถึงพูดคุยกับนักศึกษาในสหรัฐฯ เพื่อหาแนวร่วม
นอกจากนี้ เรายังยื่นเรื่องฟ้องรัฐบาลเพื่อเอาผิดพลเอกประยุทธ์ในเรื่องการจัดการโควิดล้มเหลวมาได้สองเดือนกว่าแล้ว โดยนำประชาชนมาร่วมฟ้อง อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ผ่านด่านแรก เนื่องจากเรายื่นฟ้องศาลอาญาทุจริตและศาลแจ้งว่า ยังไม่แน่ใจว่าประเด็นนี้อยู่ในขอบเขตอำนาจของศาลหรือไม่ และได้ยื่นให้ประธานศาลอุทธรณ์ โดยจะมีการฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ เรามั่นใจว่าเรายืนฟ้องอย่างรัดกุมมากโดยได้สมาคมทนายความเป็นผู้ร่างฟ้อง เราหวังว่าศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยและรักษาสิทธิ์ประชาชนในการฟ้องพลเอกประยุทธ์
เรายังมองเรื่องปากท้องและโอกาสของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ สิทธิพลเมืองสำคัญ เรามองว่าการเกิดประชาธิปไตยมันคือโอกาสของประชาชน หลักใหญ่ของพรรคไทยสร้างไทยคือเราต้องทำให้ประชาชนมีพลัง และปลดปล่อยประชาชนจากกฎหมายข้อบังคับ ระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการทำมาหากินของประชนชน
ยกตัวอย่างเช่น เราอยากผลักดันพระราชกำหนดที่จะยกเว้นการใช้ใบอนุญาตอย่างน้อยสามปี ราว 1,500 ใบอนุญาต เพื่อให้คนได้ทำมาหากินโดยไม่มีอุปสรรค เช่น การเปิดร้านอาหาร ควรมีการกำหนดให้มีใบอนุญาตสำคัญ เช่น ความปลอดภัยของอาคารและสุขอนามัย นอกจากนั้นเราไม่ควรไปบีบบังคับเขา
นอกจากนี้ เราจะจัดตั้งกองทุนช่วยคนตัวเล็ก ตั้งแต่เอสเอ็มอีลงไปจนถึงเกษตรกร จะมีกองทุนสนับสนุนเอสเอ็มอีทั้งทั่วไป และเอสเอ็มอีภาคการท่องเที่ยว มีการจัดตั้งกองทุนสำหรับสตาร์ทอัพ และกองทุนวิสาหกิจชุมชน เราต้องการติดอาวุธให้คนตัวเล็ก อัดเงินทุน โอกาส อัดตลาดให้คนตัวเล็กพร้อมทำลายอุปสรรคต่างๆ
วีโอเอไทย ถาม: พรรคไทยสร้างไทยมีจุดร่วมและจุดแตกต่างจากพรรคฝ่ายค้านอื่นอย่างไรบ้าง คิดเห็นอย่างไรกับการที่พรรคฝ่ายค้านแตกตัวออกมาในขณะเดียวกันก็ยังคงต้องรักษาเอกภาพในการตรวจสอบพรรครัฐบาล
จุดร่วมคือ เราจะสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง ส่วนจุดแตกต่างคือ พรรคที่มีเสียงในสภาอาจเห็นด้วยกับการแก้รายมาตรา แต่เราไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรายมาตรา มันไม่ได้แก้ไขต้นตอของปัญหาได้ ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็แก้ปัญหาไม่ได้ สิทธิมนุษยชนจะถูกด้อยค่าต่อไป เรายืนยันในการนำประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับมาสู่ไทย และการต่อต้านการสืบทอดอำนาจเผด็จการ เรามีแนวร่วมทางฝั่งประชาธิปไตย แต่วิธีคิดอาจต่างกัน อะไรที่ยั่งยืนเราก็อยากทำตรงนั้น
มองการเมืองไทย เชื่อนายกฯยังไม่ยุบสภา
วีโอเอไทย ถาม: จากสถานการณ์ในปัจจุบัน คิดว่าปัจจัยใดที่ทำให้รัฐบาลยังคงได้รับคะแนนไว้วางใจในสภาให้บริหารประเทศต่อไป พรรคไทยสร้างไทยมีกลยุทธ์ในการทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ อย่างไรหรือไม่เพื่อพลิกให้มีการไม่ไว้วางใจบุคคลในรัฐบาลประยุทธ์ มองว่ามีโอกาสที่จะมีการยุบสภาและเลือกตั้งก่อนพลเอกประยุทธ์หมดวาระหรือไม่
มุมมองของดิฉัน ไม่คิดว่ายุบสภาเร็ว อำนาจอยู่กับเขาเต็มที่ ยิ่งเขาแตกแยก เขายิ่งไม่กล้ายุบสภา เขาเพิ่งขยายเพดานกู้เงินกันอีก ซึ่งคงกู้ให้ตนเองใช้ คงรอให้มีการใช้เงิน รอโยกย้ายข้าราชการ รอให้สถานการณ์โควิดดีขึ้น นำเงินไปอัดในระบบ จ่ายเงินให้ประชาชนหวังคะแนนเสียง ถึงจะยุบสถา มองว่าหากมีการยุบสภา อาจยุบช่วงใกล้ๆ หมดเทอม นี่เป็นอีกเหตุผลที่ฝั่งประชาธิปไตยต้องผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญแบบหัวชนฝา