ยุโรปเริ่มผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 เพื่อเอื้อธุรกิจท่องเที่ยว

A cafe-restaurant staff stands outside as people drink coffee in Monastiraki district of Athens, on Monday, May 25, 2020. Greece restarted regular ferry services to its islands Monday, and cafes and restaurants were also back open for business as…

รัฐบาลบางประเทศในยุโรปเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่เพิ่มเติม เพื่อช่วยภาคธุรกิจท่องเที่ยวให้เปิดทำการมาพยุงสภาพเศรษฐกิจของตนแล้ว

รัฐบาลกรีซคือหนึ่งในผู้ที่อนุญาตธุรกิจร้านกาแฟและภัตตาคารร้านอาหารเริ่มเปิดทำการได้อีกครั้งในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยยังคงบังคับใช้หลักปฏิบัติการรักษาระยะห่างทางสังคมไว้ ขณะที่ยินยอมให้เกาะต่างๆ ที่ปิดไม่ให้ผู้คนเข้าออกเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง แต่อนุญาตเฉพาะนักเดินทางจากภายในประเทศเท่านั้น เพราะรัฐบาลยังไม่มีแผนเปิดรับคนต่างชาติเข้าประเทศไปจนถึงกลางเดือนมิถุนายนเป็นอย่างเร็ว

ธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของเศรษฐกิจกรีซ ซึ่งทำการ Lockdown ประเทศเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 มาระยะหนึ่งแล้ว แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ระดับไม่ถึง 3,000 คนจะต่ำกว่าสถิติของสมาชิกสหภาพยุโรปอีกหลายแห่งก็ตาม

ส่วนที่สเปน รัฐบาลอนุญาตให้หาดบางแห่งเปิดรับผู้คนอีกครั้ง และมีการรวมกลุ่มของคนมากกว่า 10 คนได้แล้วในกรุงแมดริดและนครบาร์เซโลนา ขณะที่ยินยอมให้พิพิธภัณฑ์เปิดทำการรับผู้เข้าชมจำนวนไม่มากได้ และให้ไฟเขียวแก่ร้านอาหารเปิดพื้นที่กลางแจ้งครึ่งหนึ่งเพื่อรับลูกค้าด้วย

และในวันจันทร์นี้เช่นกัน รัฐบาลฝรั่งเศสยกเลิกการปิดพรมแดนเพื่อให้แรงงานต่างด้าวและนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ในยุโรปสามารถเดินทางเข้าประเทศได้แล้ว

ในส่วนของสถานการณ์การระบาดทั่วโลกนั้น บราซิลรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้น 653 ราย หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นต่อเนื่องทะลุระดับ 360,000 คน ที่ทำให้บราซิลยังเป็นประเทศที่มีการระบาดหนักเป็นอันดับ 2 ของโลกต่อไป

และขณะที่สถานการณ์ในเกาหลีใต้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่ากังวลนัก รัฐบาลวางแผนที่จะตั้งกฎให้ผู้ที่ใช้บริการแท๊กซี่และบริการขนส่งสาธารณะต้องสวมหน้ากากอนามัย หลังประกาศบังคับใช้กฎนี้สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยเที่ยวบินทั้งภายในและภายนอกประเทศ ให้มีผลตั้งแต่วันพุธนี้เป็นต้นไปแล้ว

และมีรายงานข่าวว่า ภาวการณ์ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ส่งผลให้อัตราการเกิดอาชญากรรมในหลายประเทศลดลงอย่างชัดเจน เช่น เอล ซาลวาดอร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีรายงานเหตุฆาตกรรมสูงระดับต้นๆ ของโลก กลับไม่พบเหตุการณ์ฆาตกรรมเลยเป็นเวลา 4 วัน ขณะที่ กัวเตมาลา และ ฮอนดูรัส ซึ่งอยู่ติดๆ กัน รายงานการลดลงของเหตุฆาตกรรมอย่างมากเช่นกัน