สหภาพยุโรปออกมากล่าวหาบริษัทแอปเปิล (Apple) ในวันจันทร์ว่า ทำการอันมีผลให้ระบบแอปเปิลเพย์ (Apple Pay) ของตนคุมตลาดมากเสียจนกีดกันไม่ให้บริษัทอื่นสามารถเข้ามาแข่งขันในธุรกิจเทคโนโลยีชำระเงินแบบไร้สัมผัสในภูมิภาคยุโรป
คณะกรรมาธิการยุโรปด้านการแข่งขัน มาร์เกรเธ เวสเตเยอร์ เปิดเผยว่า “แอปเปิลสร้างระบบนิเวศแบบปิดให้กับอุปกรณ์ของตนและระบบปฏิบัติการ ไอโอเอส (iOS) ของตน โดย แอปเปิล ทำการควบคุมทางเข้า-ออกของระบบนิเวศ ตั้งกฎให้ทุกคนที่ต้องการเข้าถึงผู้บริโภคผ่านอุปกรณ์ของแอปเปิล” และว่า “การแบ่งแยกกีดกันคนอื่นเช่นนี้ ทำให้ แอปเปิล ทำการปิดกั้นระบบ แอปเปิล เพย์ ไม่ให้คนอื่นแข่งด้วยได้”
คณะกรรมาธิการยุโรปที่รับผิดชอบประเด็นนี้กล่าวด้วยว่า การดำเนินธุรกิจตามแบบของ แอปเปิล “มีผลกระทบกีดกันคู่แข่งอื่นๆ ทั้งยังทำให้มีการลดลงของนวัตกรรมใหม่ๆ และตัวเลือกของระบบกระเป๋าเงินดิจิทัล (mobile wallet) สำหรับผู้ใช้งานไอโฟนที่น้อยลงด้วย”
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปยังไม่ได้เปิดเผยว่า มีแผนจะลงโทษสั่งปรับบริษัท แอปเปิล อย่างไรหรือไม่ ขณะที่ ทางฝั่ง แอปเปิล กล่าวว่า ตนยินดีจะร่วมมือกับทางคณะกรรมการในการสืบสวนครั้งนี้ เพื่อทำให้ผู้บริโภคในยุโรปสามารถเข้าถึงทางเลือกการใช้ระบบชำระเงินอื่นๆ ที่ต้องการได้อย่างปลอดภัย
นับตั้งแต่ปี ค.ศ.2020 มา คณะกรรมาธิการยุโรปทำการสืบสวนการทำธุรกิจของ แอปเปิล ในยุโรปมาแล้วหลายกรณี ซึ่งรวมถึง ประเด็นที่ว่า บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำแห่งนี้อาจทำการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดในส่วนของบริการสตรีมมิ่งเพลงและบริการแอปสโตร์ของตน
- ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี