สหภาพยุโรป หรือ อียู สั่งปรับกูเกิล 5,060 ล้านดอลลาร์ หรือราว 166,000 ล้านบาท ฐานผูกขาดทางการค้าในตลาดแอนดรอยด์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นค่าปรับสูงสุดเท่าที่สหภาพยุโรปเคยเรียกปรับบริษัทเอกชน อันเนื่องมาจากการต่อต้านการผูกขาด
ทั้งนี้ ค่าปรับกว่าแสนล้านบาทนี้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40 ของผลกำไรของกูเกิล ที่ 12,620 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว
ด้านนายซันดาร์ พิชัย ผู้บริหารกูเกิล กล่าวถึงคำตัดสินของสหภาพยุโรป ว่าระบบแอนดรอยด์ ได้สร้างโอกาสทางการแข่งขันให้กับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไปแล้ว และเป็นการสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค
ซึ่งคำตัดสินของอียูส่งผลกระทบต่อระบบของแอนดรอยด์ ด้วยการบังคับให้กูเกิลเรียกเก็บค่าบริการกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
ที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ จะมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นพื้นฐานจากกูเกิล รวมทั้งเสิร์ชเอนจิ้น กูเกิล ทำให้เกิดการร้องเรียนจากเสิร์ชเอ็นจินและผู้ผลิตแอพพลิเคชั่นรายอื่นในประเด็นการผูกขาด ประกอบกับรวมทั้งการเป็นเจ้าตลาดแอนดรอยด์ ก็สร้างรายได้จากการโฆษณาผ่านมสมาร์ทโฟน ที่คาดว่าจะทำรายได้ให้บริษัทแม่ถึง 60,000 ล้านดอลลาร์ปีนี้