ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เออร์ชูลา วอน เดอร์ เลเยน แถลงข่าวในวันพุธว่า สหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค เพิ่มอีก 50 ล้านโดส โดยจะส่งมอบในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้อียูได้รับวัคซีนโควิดจากไฟเซอร์เพิ่มอีกทั้งหมด 250 ล้านโดส
วอน เดอร์ เลเยน กล่าวว่า ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงการซื้อและร่วมผลิตส่วนประกอบสำคัญของวัคซีนโควิดสำหรับสหภาพยุโรป และกำลังจัดทำข้อตกลงฉบับที่สามเพื่อซื้อวัคซีนเพิ่ม 1,800 ล้านโดสในปี ค.ศ. 2022 และ 2023 ด้วย
จนถึงขณะนี้ ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ได้ฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปแล้วรวมกันมากกว่า 100 ล้านโดส ซึ่งเธอบอกว่าเป็นหลักไมล์สำคัญที่ควรภาคภูมิใจ
อย่างไรก็ตาม ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการจัดส่งวัคซีนของอียู เช่น กรณีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน และกับวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson & Johnson) ในสัปดาห์นี้
ขณะนี้หลายประเทศในยุโรปได้สั่งระงับการใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาแล้ว หลังจากมีรายงานการพบลิ่มเลือดอุดตันที่นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ป่วยหลายราย และเมื่อวันอังคาร หน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ มีคำแนะนำให้ระงับใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันสืบเนื่องจากรายงานการเกิดผลข้างเคียงลักษณะเดียวกัน
คณะกรรมการที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) และองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) แนะนำให้ศูนย์แจกจ่ายวัคซีนทั่วอเมริการะงับการฉีดวัคซีนต้านโควิด -19 ของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันชั่วคราว หลังแพทย์พบอาการลิ่มเลือดอุดตันในสมองและภาวะเกล็ดเลือดต่ำในผู้ป่วย 6 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นได้เสียชีวิตแล้ว โดยอาการดังกล่าว เกิดขึ้นภายระยะเวลาใน 6 ถึง 13 วันหลังผู้ป่วยได้รับวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งผู้ป่วยทั้ง 6 คนนั้นเป็นผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 48 ปี
ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี ระบุว่า ขณะนี้ สหรัฐฯได้ทำการฉีดวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันให้ประชากรไปแล้วมากกว่า 6.8 ล้านโดส