Your browser doesn’t support HTML5
มหาเศรษฐี Elon Musk ผู้ก่อตั้งบริษัท SpaceX และบริษัทรถยนต์ Tesla มักจะมีแนวคิดเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาให้ฮือฮากันเสมอ
และเมื่อไม่นานนี้ นักพัฒนาเทคโนโลยีผู้นี้ได้ประกาศโครงการลงทุนครั้งใหม่เรียกว่า “Neuralink” ซึ่งจะมุ่งเน้นที่การพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างคอมพิวเตอร์กับสมองของคนเรา เพื่อสร้าง “Super-intelligent Computer” ในอนาคต
ที่ผ่านมามหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยี Elon Musk คือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีผู้หนึ่งที่ออกมาพูดถึงภัยคุกคามจากระบบปัญญาประดิษฐ์ที่อาจฉลาดเกินมนุษย์ จนถึงขั้นเป็นผู้ควบคุมหรือทำลายล้างมนุษยชาติได้
แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Wall Street Journal รายงานว่า เวลานี้ Elon Musk มีแผนพัฒนาเทคโนโลยีการปลูกถ่ายสมองแบบใหม่เพื่อช่วยรักษาอาการผิดปกติต่อระบบประสาทของมนุษย์ ภายใต้ชื่อ “Neuralink”
และในอนาคตอาจพัฒนาไปจนถึงขั้นเชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างสมองกลสุดยอดอัจฉริยะ หรือ “Super-intelligent Computer” ก็เป็นได้
การปลูกถ่ายอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ เครื่องส่งกระแสไฟฟ้า หรือคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เข้าไปในสมองของมนุษย์เพื่อช่วยในการรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคพาร์คินสัน โรคลมชัก หรืออาการเจ็บปวดเรื้อรัง ได้ถูกนำมาใช้หลายปีมาแล้ว
และเมื่อปีที่แล้ว นักวิจัยสามารถคิดค้นวิธีให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตสามารถส่งสัญญาณจากสมองของพวกเขาผ่านชิพคอมพิวเตอร์ เพื่อขยับแขนกลได้อย่างประสบผลสำเร็จ
แต่ดูเหมือนจินตนาการของ Elon Musk ไปไกลกว่านั้น เพราะเขาต้องการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ดังกล่าว ในการเพิ่มศักยภาพการทำงานของสมองในส่วนของการรับรู้ ความคิดและสติปัญญา เพื่อให้สมองของมนุษย์เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อย่างสมบูรณ์ หรือที่เรียกว่า “Advanced neural interfaces” หรือการปฏิสัมพันธ์ของระบบประสาทขั้นสูงกับคอมพิวเตอร์
นอกจาก Musk แล้ว นักพัฒนาเทคโนโลยีอีกผู้หนึ่งคือ Bryon Johnson ผู้ก่อตั้ง PayPal ก็กำลังพัฒนานวัตกรรมแบบเดียวกันนี้ผ่านบริษัท Kernel ที่เขาก่อตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทต่างเชื่อว่า ในที่สุดแล้วเทคโนโลยีแบบที่ทั้งสองบริษัทนี้พัฒนาอยู่จะมาถึงอย่างแน่นอน แต่อาจต้องใช้เวลานับทศวรรษ ไม่ใช่แค่ 4-5 ปีอย่างที่ Elon Musk ตั้งเป้าไว้ เพราะยังมีอุปสรรคอีกหลายอย่างที่ต้องแก้ไขจัดการ
ขณะที่คุณ Amy Webb ซีอีโอของสถาบัน Future Today ชี้ว่า การประกาศโครงการ “Neuralink” ครั้งนี้ คือส่วนหนึ่งของการวิจัยเกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรกลหรือหุ่นยนต์ ที่เริ่มต้นมากว่า 10 ปีก่อนตามมหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ
ผู้เชี่ยวชาญผู้นี้ยังเตือนด้วยว่า กระแสความตื่นตัวในเรื่อง “Super-intelligent Computer” ที่เกิดจากการประกาศโครงการ “Neuralink” อาจนำไปสู่ “ภาวะจำศีลของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์” อีกครั้งหนึ่ง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงสงครามเย็น เมื่อการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ต้องหยุดชะงักลงหลังเกิดความล้มเหลวในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เคยสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วในตอนเปิดตัว
คุณ Amy Webb สรุปว่า “เป็นเรื่องดีที่จะพูดถึงศักยภาพใหม่ๆ ในด้านเทคโนโลยี แต่ปัญหาคือหากโครงการที่พูดไว้อย่างใหญ่โตนั้นเกิดไม่สามารถทำได้ขึ้นมา ก็อาจเกิดผลต่อเนื่องไปถึงโครงการพัฒนานวัตกรรมอื่นๆ เช่น เงินทุนที่ลดลงเพราะกระแสที่เริ่มจืดจาง”
(ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงรายงานจาก AP และ WSJ)