กรณีที่ อิลอน มัสก์ เข้าซื้อหุ้นและกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของทวิตเตอร์ เกิดเหตุสะดุด เมื่อมีผู้ยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลกล่าวหาว่า อภิมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจรถเทสลานั้นทำการล่าช้าอย่างผิดกฎหมาย ในการเปิดเผยสัดส่วนหุ้นที่ตนถืออยู่ก่อนหน้า เพื่อทำให้ตนสามารถเสนอซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำได้
รายงานข่าวระบุว่า คำฟ้องที่มีผู้ยื่นต่อศาลแขวงรัฐนิวยอร์กกล่าวหา มัสก์ ว่า ละเมิดเส้นตายของกฎการเข้าซื้อหุ้นที่ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ หากมีการถือหุ้นของบริษัทที่ต้องการเข้าซื้ออยู่ในมือไว้แล้วเกินสัดส่วน 5%
แต่ผู้ยื่นฟ้องระบุว่า มัสก์ ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจนกระทั่งเข้าซื้อหุ้นเพิ่มจนถึงระดับกว่า 9% โดยคำฟ้องนี้ยังชี้ด้วยว่า กลยุทธ์เช่นนี้ส่งผลเสียต่อนักลงทุนที่มีฐานะร่ำรวยน้อยกว่า ที่ขายหุ้นของทวิตเตอร์ออกมาในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนที่ มัสก์ จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ชั้นนำแห่งนี้
SEE ALSO: ทวิตเตอร์ตั้ง 'อิลอน มัสก์' นั่งบอร์ดบริหารหลังกว้านซื้อหุ้น 9%ทั้งนี้ ข้อมูลในคำร้องตามกฎเกณฑ์กำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ (regulatory filing) ของ มัสก์ แสดงให้เห็นว่า อภิมหาเศรษฐีรายนี้ซื้อหุ้นทวิตเตอร์เป็นจำนวนกว่า 620,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 36.83 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 31 มกราคม ก่อนจะเดินหน้าซื้อหุ้นเพิ่มเกือบทุกวันจนกระทั่งถึงวันที่ 1 เมษายน และข้อมูล ณ วันจันทร์ที่ผ่านมาระบุว่า มัสก์ ถือหุ้นของทวิตเตอร์อยู่ทั้งหมด 73.1 ล้านหุ้น หรือ 9.1% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทแห่งนี้
แต่ในคำฟ้องที่ยื่นต่อศาลนั้น มีการระบุว่า สัดส่วนหุ้นของทวิตเตอร์ที่ มัสก์ ถืออยู่ ณ วันที่ 14 มีนาคมนั้น แตะเกณฑ์ 5% ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหมายความว่า ตามกฎหมายกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ นั้น ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณะภายในวัน 24 มีนาคม แต่ในความเป็นจริง มัสก์ เพิ่งออกมาประกาศเมื่อวันที่ 4 เมษายน
และหลังการออกมาเปิดเผยสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ก่อตั้งเทสลา ราคาหุ้นของทวิตเตอร์ก็พุ่งขึ้นมาที่เกือบ 50 ดอลลาร์ต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นถึง 27% เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน ซึ่งคำฟ้องที่ยื่นในนามนักลงทุนที่ใช้ชื่อว่า มาร์ค เบน ราเซลลา ชี้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนที่ขายหุ้นของตนก่อนการประกาศข้อมูลของ มัสก์ ไม่มีโอกาสทำกำไรที่พึงได้ ขณะที่ เจ้าตัวยังสามารถกว้านซื้อหุ้นในช่วงราคา 37.69-40.96 ดอลลาร์ต่อหุ้นต่อไปได้อยู่
รายงานข่าวระบุว่า ผู้ยื่นคำฟ้องต่อศาลนี้พยายามทำให้คดีเป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ในนามผู้ถือหุ้นทวิตเตอร์ที่ขายหุ้นของตนไประหว่างวันที่ 24 มีนาคม และ 4 เมษายน แต่ความพยายามเช่นนี้น่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี กว่าการไต่ส่วนคดีจะเสร็จสิ้นและมีคำพิพากษาออกมา
เจคอบ วอล์คเกอร์ ทนายความในทีมที่ยื่นฟ้องบอกกับสำนักข่าวเอพีว่า ทางทีมยังไม่ได้ติดต่อไปยังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อกล่าวหานี้ แต่แสดงความเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ก.ล.ต. ที่น่าจะรับทราบเกี่ยวกับความเป็นไปทั้งหมดอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม โฆษกของ ก.ล.ต.สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะที่ มัสก์ ยังไม่ได้ตอบคำร้องขอความเห็นที่ผู้สื่อข่าวโพสต์ขอไว้ทางทวิตเตอร์