โปรเจค “คุณหมอก้นครัว” ผสมผสานการแพทย์กับการครัวเพื่อลูกน้อย

โปรเจค “คุณหมอก้นครัว”

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ในสปอตซิลเวเนีย รัฐเวอร์จิเนีย กำลังเข้าคอร์สทำอาหารที่เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดี และเชฟที่มาสอนนั้นก็คือกุมารแพทย์ที่คอยดูแลลูกน้อยด้วย

แพทย์หญิง นิมาลี เฟอร์นันโด้ กุมารแพทย์และผู้ก่อตั้ง “ดร.ยัม โปรเจค” หรือ โครงการคุณหมอก้นครัว เผยให้เห็นอาหารสำเร็จรูปตามท้องตลาดที่ฉลากภายนอกเป็นภาพอาหารที่ดูน่าทาน แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยส่วนผสมสังเคราะห์ที่ไม่ปลอดภัยกับเด็กๆ ซึ่งเธอมองว่า การดูแลสุขภาพของเด็กเล็กจากภายใน คือ การรับประทานอาหารที่ดี เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อกัน

แพทย์หญิง นิมาลี บอกว่า สิ่งแรกที่นึกถึงการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากอาหาร ทุกคนจะนึกถึงโรคอ้วน ที่เด็กอเมริกัน 30 เปอร์เซนต์เผชิญกับภาวะนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ แต่เมื่อวิเคราะห์อาการของเด็กที่ไม่ได้มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ก็ยังพบว่าความเจ็บป่วยของพวกเขาก็มาจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้เหมือนกัน
เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด ต้องเน้นไปที่อาหารทุกมื้อ ซึ่ง “ดร.ยัม โปรเจค” เริ่มต้นจากตำราอาหาร มาเป็นบล็อกและเว็บไซต์ ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของเด็กกับอาหารที่พวกเขารับประทาน รวมทั้งโพสต์สูตรอาหารที่ดีต่อสุขภาพและดีต่อคุณพ่อคุณแม่เองด้วย

แพทย์หญิง นิมาลี บอกว่า หลังจากที่ทำโครงการนี้ขึ้นมา เวลาเธอตรวจคนไข้ตัวน้อย เธอจะแนะนำพ่อแม่เด็กให้เข้าไปดูสูตรอาหารผ่านเว็บไซต์นี้ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดี พ่อแม่หลายท่านเลือกทำอาหารให้ลูกน้อยตามสูตรเหล่านั้น เธอจึงตัดสินใจเปิดคอร์สทำอาหารนี้ขึ้นมา

โครงการ ดร. ยัม เนรมิตพื้นที่หลังคลินิกให้เป็นครัวสำหรับคอร์สทำอาหารสุขภาพสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการปรับเมนูที่ดีต่อลูกน้อย ที่เรียกว่า ดีต่อใจ ดีต่อท้อง และดีต่อกระเป๋าสตางค์ไปพร้อมกัน เพราะทุกเมนูเป็นอาหารที่เด็กทานได้ผู้ใหญ่ทานดี และวัตถุดิบหาง่ายราคาไม่แพง

ยารา เอสควิเวล คุณแม่ลูกสองที่เข้าร่วมคอร์สทำอาหารนี้ บอกว่า เมนูเหล่านี้เป็นประโยชน์กับเธอและสามีไปด้วยในตัว เพราะได้รับประทานอาหารที่ดีขึ้นไปพร้อมกับลูกๆ ด้วย

วัตถุดิบในเมนูต่างๆ ในโปรเจค ดร.ยัม ก็มาจากสวนครัวหลังคลินิกนี้ด้วย ซึ่งแพทย์หญิงไฮดี้ ดียูจีนิโอ้ ผู้ร่วมก่อตั้งโปรเจค ดร.ยัม บอกว่า เธอและครอบครัวได้รับประทานเมนูทั้งหมดก่อนจะโพสต์บนเว็บไซต์ ซึ่งเป้าหมายสำคัญ คือ การเปลี่ยนมุมมองของอาหารเด็กในสายตาผู้ใหญ่ให้ได้

แพทย์หญิงไฮดี้ บอกว่า ที่ผ่านมา ผู้ผลิตอาหารเด็กใช้โฆษณาจูงใจและสร้างภาพลักษณ์ของอาหารเด็กสำเร็จรูป เช่น lunchables ที่เป็นถาดหลุมเล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยอาหารแปรรูป อย่าง แฮม ชีส และแครกเกอร์ ทำให้เด็กปฏิเสธการรับประทานปรุงสดใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องอาศัยความอดทนและการทดลองอาหารใหม่ๆ ของผู้ปกครองด้วย
โครงการ ดร.ยัม หวังจะเป็นจุดเริ่มต้นให้กุมารแพทย์ทั่วอเมริกาเริ่มต้นคอร์สทำอาหารสำหรับครอบครัว เพื่อให้พวกเขาได้อิ่มอร่อยกับอาหารที่เปี่ยมด้วยคุณประโยชน์ทั้งครอบครัว