ผลวิจัยเผย แม้รู้ความเสี่ยงเป็นโรคอาจไม่ช่วยปรับพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพได้

แม้รู้ความเสี่ยงเป็นโรคก็ไม่ช่วยให้ปรับพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพได้

เราได้เห็นผลการวิจัยต่างๆนานาๆ ว่ากันด้วยความเชื่อมโยงของพันธุกรรม ต่อพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น การเสพติดสารนิโคติน ภาวะติดเหล้า หรือแม้แต่โรคอ้วน

แต่หากคุณคิดว่าเมื่อเรารู้ถึงความเสี่ยงแล้ว จะทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆนั้นได้ วันนี้มีผลการวิจัยหลายสถาบันที่คัดค้านทฤษฎีนี้กันมากมายทีเดียว

Job Godino จาก University of California ใน ซาน ดิเอโก บอกว่า เป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะขี้เกียจไม่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง และมันง่ายกว่าที่จะกินอาหารไม่มีประโยชน์ในสังคมปัจจุบัน ดังนั้น แค่การรับรู้ความเสี่ยงในการเป็นโรคอาจไม่เพียงพอ

แม้แต่ผู้ก่อตั้ง Helix บริษัทตรวจสอบดีเอ็นเอ James Lu ยังยืนยันด้วยตัวเองว่า สิ่งที่ทำได้ คือ สร้างแผนการดูแลสุขภาพและปรับพฤติกรรมตามพันธุกรรมแบบเฉพาะบุคคล รวมทั้งเพิ่มการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงทางสุขภาพของแต่ละคนไปเรื่อยๆ ตลอดช่วงที่พวกเขาปรับพฤติกรรม

อย่างไรก็ตาม ในการวิจัยพบว่า มีบางคนที่เลือกจะปรับพฤติกรรมอยู่เหมือนกัน หากบุคคลเหล่านั้น ใช้ผลการตรวจดีเอ็นเอ เป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่เพื่อสุขภาพที่ดี

ดร. Robert Green จากมหาวิทยาลัย Harvard บอกว่า การปรับตัวของแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และสิ่งที่พวกเขาได้พบระหว่างการตรวจร่างกาย มากกว่าผลการตรวจที่ออกมา เพราะแต่ละขั้นตอนที่พกวเขาต้องเจอ จะทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพที่ดี และมีความคิดที่จะหลีกให้พ้นจากความเสี่ยงได้

แต่ความตั้งใจไม่เท่าความสม่ำเสมอ เพราะ Allie Manzi เทรนเนอร์ส่วนตัว ถึงกับบอกว่า การเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพต้องการความสม่ำเสมอ และไม่ว่าผลการตรวจดีเอ็นเอจะออกมาในรูปแบบไหน ทุกคนก็รู้ว่ามันง่ายที่จะรู้สึกขี้เกียจออกกำลังกาย

Allie บอกว่า ส่วนใหญ่เพราะคนเหล่านี้ไม่มองถึงการรักษาสุขภาพในระยะยาว แต่เลือกจะมองผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดในแต่ละวัน พวกเขาอาจจะกินเค้กสักชิ้นหรือไม่ไปเข้ายิมออกกำลัง และเป็นเช่นนั้นไปเรื่อยๆ จนลืมไปว่า แค่การเลือกทำพฤติกรรมแบบนั้นจะส่งผลต่อสุขภาพและวิถีชีวิตโดยรวมของพวกเขาได้มากแค่ไหน

ในการวิจัยครั้งนี้ ยังเปิดเผยด้วยว่า ไม่ว่าความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมของคุณจะเป็นอย่างไร การแก้ไขพฤติกรรมที่แย่ๆ ที่แม้รู้ดีว่าจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ มันก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะปรับตัวอยู่ดี