การประชุมเศรษฐกิจประจำปี หรือ World Economic Forum (WEF) ที่เมือง Davos ในสวิสเซอแลนด์ปีนี้ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 25 มกราคม และประเด็นสำคัญที่ที่ประชุมจะถกเถียงกัน คือเรื่องความท้าทายในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง และคาดกันว่าจะมีบุคคลชั้นนำในทางธุรกิจ รัฐบาล วิชาการ และประชาสังคม ไปร่วมด้วยมากกว่า 2,500 คน
ในจำนวนผู้นำประเทศที่จะไปร่วมการประชุมปีนี้ คาดว่าจะมีนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อังกฤษ และประธานาธิบดีของเมกซิโก เกาหลีใต้ และบราซิล รวมอยู่ด้วย
และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 เป็นต้นมาที่ประธานาธิบดีของอิหร่านจะเดินทางไป Davos และผู้จัดการประชุมบอกว่า ประธานาธิบดี Hassan Rouhani ของอิหร่าน จะปราศัยเรื่องตำแหน่งที่ของอิหร่านในโลก และเสนอความคิดเห็นของเขาในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับส่วนอื่นๆของโลก
ผู้นำประเทศหลายคนจะเข้าร่วมกลุ่มสัมมนา ซึ่งมุ่งเน้นตามประเด็นใหญ่ของที่ประชุม คือ “The Reshaping of the World: Consequences for Society, Politics and Business” หรือ “การปรับรูปโฉมของโลก: ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาต่อสังคม การเมืองและธุรกิจ”
Klaus Schwab ผู้ก่อตั้งและประธานผู้บริหารงานการประชุมนี้ บอกว่า คนที่ฉลาดปราดเปรื่องของโลกจะถูกซักถามให้อธิบายปัญหาสลับซับซ้อนของโลกในขณะนี้ รวมทั้งประเด็นที่เป็นเรื่องร้อน เช่นตะวันออกกลาง และประเด็นสำคัญๆ ของการพัฒนา รวมทั้งความเป็นไปในโลกดิจิทัลและเทคโนโลยี การสร้างงาน และภาวะโลกร้อน
เขาบอกว่า ที่ต้องการจะทำกันที่ Davos ปีนี้ คือการกดปุ่ม reset หรือ ตั้งต้นใหม่ เพราะเวลานี้โลกติดชะงักอยู่แต่ในสภาพแก้วิกฤติการณ์ และลืมไปว่าสิ่งที่ควรทำ คือหาทางแก้ไขปัญหาพื้นฐาน และมองดูอนาคตในลักษณะที่สร้างสรรค์ และมีกลยุทธ์มากขึ้น
มีกลุ่มสัมมนาจัดไว้ตามหัวข้อต่างๆ มากมาย แต่ที่เด่น คือเรื่องการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศโลก การประชุมเศรษฐกิจประจำปี หรือ World Economic Forum ที่เมือง Davos ในสวิสเซอแลนด์ปีนี้ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 25 มกราคม และประเด็นสำคัญที่ที่ประชุมจะถกเถียงกัน คือเรื่องความท้าทายในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง และคาดกันว่าจะมีบุคคลชั้นนำในทางธุรกิจ รัฐบาล วิชาการ และประชาสังคม ไปร่วมด้วยมากกว่า 2,500 คน
เป้าหมายการพัฒนาหลังปี ค.ศ. 2015 อนาคตของสุขภาพและการรักษาสุขภาพ และปัญหาการจ้างงานคนหนุ่มคนสาว ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน
นอกจากนี้ ยังจะมีกลุ่มสัมมนาเกี่ยวกับอนาคตของระบบเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัว ซึ่งรวมถึง จีน อินเดีย บราซิล เมกซิโก และรัสเซีย และอนาคตของตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือด้วย
และแม้จะมีผู้นำจากประเทศต่างๆ ในแอฟริกาไปร่วมประชุมด้วยเกือบ 40 คน ผู้จัดบอกว่าจะไม่มีกลุ่มสัมมนาเรื่องแอฟริกาแยกออกไปโดยเฉพาะ เพราะบรรดาประเทศต่างๆ ในแอฟริกาให้เหตุผลว่า แอฟริกาเป็นส่วนหนึ่งของโลก จึงอยากจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในโลกกับเขาด้วย
ในจำนวนผู้นำประเทศที่จะไปร่วมการประชุมปีนี้ คาดว่าจะมีนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อังกฤษ และประธานาธิบดีของเมกซิโก เกาหลีใต้ และบราซิล รวมอยู่ด้วย
และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 เป็นต้นมาที่ประธานาธิบดีของอิหร่านจะเดินทางไป Davos และผู้จัดการประชุมบอกว่า ประธานาธิบดี Hassan Rouhani ของอิหร่าน จะปราศัยเรื่องตำแหน่งที่ของอิหร่านในโลก และเสนอความคิดเห็นของเขาในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับส่วนอื่นๆของโลก
ผู้นำประเทศหลายคนจะเข้าร่วมกลุ่มสัมมนา ซึ่งมุ่งเน้นตามประเด็นใหญ่ของที่ประชุม คือ “The Reshaping of the World: Consequences for Society, Politics and Business” หรือ “การปรับรูปโฉมของโลก: ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาต่อสังคม การเมืองและธุรกิจ”
Klaus Schwab ผู้ก่อตั้งและประธานผู้บริหารงานการประชุมนี้ บอกว่า คนที่ฉลาดปราดเปรื่องของโลกจะถูกซักถามให้อธิบายปัญหาสลับซับซ้อนของโลกในขณะนี้ รวมทั้งประเด็นที่เป็นเรื่องร้อน เช่นตะวันออกกลาง และประเด็นสำคัญๆ ของการพัฒนา รวมทั้งความเป็นไปในโลกดิจิทัลและเทคโนโลยี การสร้างงาน และภาวะโลกร้อน
เขาบอกว่า ที่ต้องการจะทำกันที่ Davos ปีนี้ คือการกดปุ่ม reset หรือ ตั้งต้นใหม่ เพราะเวลานี้โลกติดชะงักอยู่แต่ในสภาพแก้วิกฤติการณ์ และลืมไปว่าสิ่งที่ควรทำ คือหาทางแก้ไขปัญหาพื้นฐาน และมองดูอนาคตในลักษณะที่สร้างสรรค์ และมีกลยุทธ์มากขึ้น
มีกลุ่มสัมมนาจัดไว้ตามหัวข้อต่างๆ มากมาย แต่ที่เด่น คือเรื่องการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศโลก การประชุมเศรษฐกิจประจำปี หรือ World Economic Forum ที่เมือง Davos ในสวิสเซอแลนด์ปีนี้ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 25 มกราคม และประเด็นสำคัญที่ที่ประชุมจะถกเถียงกัน คือเรื่องความท้าทายในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง และคาดกันว่าจะมีบุคคลชั้นนำในทางธุรกิจ รัฐบาล วิชาการ และประชาสังคม ไปร่วมด้วยมากกว่า 2,500 คน
เป้าหมายการพัฒนาหลังปี ค.ศ. 2015 อนาคตของสุขภาพและการรักษาสุขภาพ และปัญหาการจ้างงานคนหนุ่มคนสาว ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน
นอกจากนี้ ยังจะมีกลุ่มสัมมนาเกี่ยวกับอนาคตของระบบเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัว ซึ่งรวมถึง จีน อินเดีย บราซิล เมกซิโก และรัสเซีย และอนาคตของตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือด้วย
และแม้จะมีผู้นำจากประเทศต่างๆ ในแอฟริกาไปร่วมประชุมด้วยเกือบ 40 คน ผู้จัดบอกว่าจะไม่มีกลุ่มสัมมนาเรื่องแอฟริกาแยกออกไปโดยเฉพาะ เพราะบรรดาประเทศต่างๆ ในแอฟริกาให้เหตุผลว่า แอฟริกาเป็นส่วนหนึ่งของโลก จึงอยากจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในโลกกับเขาด้วย