วัคซีนต้านโควิด-19 ขั้นทดลอง ส่งสัญญาณสร้างภูมิต้านทานที่ดี 

vaccine

ถือเป็นข่าวดีสำหรับความหวังในการสกัดกั้นเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในระยะทดลองของบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติอเมริกัน และร่วมพัฒนาโดยนักวิจัยสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ มีผลการสร้างภูมิต้านทานที่ดี

รายงานในวารสารทางการแพทย์นิวอิงแลนด์ (New England Journal of Medicine) เมื่อวันอังคาร (14 ก.ค.) ระบุว่า นักวิจัยฉีดวัคซีนสองโดสให้อาสาสมัคร 45 คน อายุระหว่าง 18-55 ปี ซึ่งอาสาสมัครมีอาการอันเป็นผลข้างเคียงจากวัคซีนบ้างในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น อาการเหนื่อย ปวดหัว รู้สึกเย็น ปวดกล้ามเนื้อ และมีอาการเจ็บ แต่ไม่มีใครมีอาการข้างเคียงในระดับรุนแรง

วัคซีนขั้นทดลองชุดนี้ถือเป็นชุดแรกที่ทดลองในมนุษย์ และยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองระยะแรก ที่จะทดลองการให้วัคซีนในปริมาณน้อย ปานกลาง และมาก เพื่อวัดระดับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกัน

โดยขณะนี้ ทางโมเดอร์นากำลังทำการวิจัยวัคซีนระยะที่สองอยู่ในอาสาสมัครกลุ่มใหญ่ขึ้น และจะทดลองวัคซีนระยะที่สามในวันที่ 27 ก.ค. ในกลุ่มอาสาสมัคร 30,000 คน ซึ่งถือเป็นกลุ่มอาสาสมัครทดลองวัคซีนโควิด-19 ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

นอกจากนี้ บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson & Johnson) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพยักษ์ใหญ่อีกเจ้าหนึ่ง ก็วางแผนจะทำการทดลองวัคซีนโควิด-19 ในช่วงสิ้นเดือนนี้ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ การวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 เดินหน้าอย่างต่อเนื่องท่ามกลางตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่ยังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหลายประเทศได้กลับมาใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมอีกครั้งหลังจากเคยผ่อนปรนไประยะหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น อินเดียที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 930,000 คน มากเป็นลำดับที่ 3 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 24,300 คน แม้ว่าจะมีการใช้มาตรการล็อคดาวน์อย่างเข้มข้นแล้วก็ตาม

ทางด้านฝรั่งเศส ก็พบกรณีที่ไวรัสโควิด-19 แพร่จากหญิงตั้งครรภ์ไปถึงบุตรในครรภ์ได้เป็นครั้งแรก โดยรายงานในวารสารทางวิทยาศาสตร์ เนเจอร์ คอมมิวนิเคชันส์ (Nature Communications) ระบุว่า หญิงท้องแก่วัย 23 ปีถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลในกรุงปารีสด้วยอาการไข้และไออย่างรุนแรง ทางโรงพยาบาลตรวจพบว่าเธอติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผ่าคลอดฉุกเฉินให้เธอในอีกสามวันต่อมา

ทารกที่คลอดออกมามีอาการระคายเคืองได้ง่าย รับประทานอาหารยาก กล้ามเนื้อกระตุก และต่อมาก็ตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยผลการตรวจหลังจากนั้นระบุว่า เชื้อไวรัสแพร่จากเลือดของมารดาเข้าสู่รกและถึงตัวทารกในที่สุด อย่างไรก็ตาม ทารกและมารดาก็มีอาการดีขึ้นในเวลาต่อมา