อินเดียดำเนินแผนปิดประเทศจากเหตุกังวลไม่มีความพร้อมรับโควิด-19

India Virus Outbreak

Your browser doesn’t support HTML5

India Coronavirus

อินเดียตัดสินใจระงับการออกวีซ่าแก่ชาวต่างชาติหลังพบการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญแสดงความกังวลเกี่ยวกับความพร้อมของระบบสาธารณสุขในการรับมือกับวิกฤตินี้

รัฐบาลอินเดียสั่งปิดประเทศจากโลกภายนอก เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 โดยมาตราการนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไป

คำสั่งของรัฐบาลที่มีออกมาล่าสุด ทำให้หนังสือพิมพ์ต่างๆ พาดหัวข่าวว่า “อินเดียกักกันเฝ้าระวังตัวเอง” ขณะที่บางฝ่ายเรียกปฏิบัติการนี้ว่าเป็นเหมือน “มาตรการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์"

ภายใต้แผนนี้ รัฐบาลอินเดียจะระงับการออกวีซ่าเป็นเวลา 30 วัน หรือ จนถึงวันที่ 15 เมษายนนี้ ซึ่งจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศที่มีประชากรหนาแน่นระดับต้นๆ ของโลกนี้ได้ โดยเจ้าหน้าที่การทูต เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ที่ได้สิทธิ์ทำงานในอินเดีย เป็นกลุ่มที่ยังสามารถเข้าอินเดียได้อยู่

อินเดียตัดสินใจดำเนินมาตรการที่มีความเข้มข้นระดับนี้ หลังมีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ตามจุดต่างๆ ทั่วประเทศที่มีประชากรกว่า 1.3 พันล้านคนนี้ และตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่วัน

ซานจีวา คูมาร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขอินเดีย บอกกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลอินเดียต้องการจะมุ่งเน้นแผนป้องกัน โดยสิ่งแรกที่จะทำคือ การชิงลงมือใช้มาตรการรับมือที่ครอบคลุมภาพรวม เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนในประเทศจำนวนมากต้องตกเป็นเหยื่อไวรัสนี้

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอินเดียทั้งหมด 73 รายและมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งตัวเลขนี้นับว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ แต่รัฐบาลมีความกังวลมากเนื่องจากตัวเลขดังกล่าวเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในเวลาเพียง 4 วัน และการระบาดนั้นเกิดขึ้นใน 12 รัฐจากเหนือจรดใต้

ดร. ศรีนาถ เรดดี้ ประธานมูลนิธิสาธารณสุขของอินเดีย ให้ความเห็นว่า สิ่งที่อินเดียพยายามทำอยู่คือการป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายเป็นวงกว้างในชุมชนต่างๆ พร้อมๆ กับป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้ามาในประเทศเพิ่มอีก

นอกจากการปิดประเทศสำหรับคนต่างชาติแล้ว รัฐบาลอินเดียยังออกคำแนะนำเชิงคำสั่ง ให้พลเมืองอินเดียงดการเดินทางไปต่างประเทศที่ไม่จำเป็น เพราะมีความเสี่ยงที่จะต้องกลับมาและถูกกักตัวเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 14 วันเป็นอย่างน้อย

อินเดียยังสั่งปิดพรมแดนของตนกับพม่าและยกระดับการเฝ้าดูสถานการณ์ตามแนวชายแดนตอนเหนือที่ติดกับเนปาลด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลพยายามให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า มีความพร้อมที่จะรับมือกับวิกฤติโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ ด้วยการสั่งเปิดห้องทดลองทางการแพทย์เพิ่มจาก 15 แห่งเป็น 52 แห่งทั่วประเทศ และสั่งปิดโรงเรียนและโรงภาพยนตร์ในรัฐเกรละ (Kerala) ทางตอนใต้ของประเทศ ที่มีการพบการติดเชื้อมากที่สุดด้วย

แต่กระนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขยังคงกังวลว่า แผนการทั้งหมดอาจไม่เพียงพอสำหรับอินเดีย โดยเฉพาะเมื่อประเทศนี้มีความหนาแน่นของประชากรสูงถึง 420 คนต่อตารางกิโลเมตร เมื่อเทียบกับอัตราประมาณ 150 คนในจีน

ยิ่งไปกว่านั้น การเคลื่อนย้ายของประชากรจำนวนไม่น้อยระหว่างหมู่บ้านและเมืองต่างๆ ที่เกิดขึ้นประจำ ยิ่งทำให้การแพร่ระบาดของไวรัสเกิดขึ้นได้ง่ายมาก ขณะที่การที่รัฐบาลจะปิดพื้นที่ทั้งภูมิภาค ดังเช่นที่จีนดำเนินการ เป็นเรื่องที่ยาก

ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ด้วยว่า พื้นที่ด้อยพัฒนา เช่น รัฐอุตตรประเทศ และรัฐพิหาร มีโอกาสกลายมาเป็นพื้นที่ระบาดหนักในอนาคตด้วย

ดร. เรดดี้ แห่งมูลนิธิสาธารณสุขของอินเดีย กล่าวว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศไม่ได้มีความพร้อมรับมือกับปัญหาใหญ่ขนาดนี้ เนื่องจากความจริงที่ว่า เตียงที่โรงพยาบาลเตียงหนึ่งนั้นมีไว้รับคนไข้เฉลี่ยราว 1,800 คน และโรงพยาบาลรัฐแต่ละแห่งจะต้องรักษาคนไข้ไม่น้อยกว่า 55,000 คน

อย่างไรก็ดี ดร. เรดดี้ ให้ความเห็นว่า สถานการณ์โควิด-19 นี้คือสัญญาณเตือนอินเดีย ว่าถึงเวลาที่จะต้องมีการปฏิรูปยกระดับการจัดงบประมาณเพื่องานด้านสาธารณสุขได้แล้ว