องค์การอนามัยโลกออกคำเตือนล่าสุดที่ย้ำว่า โอกาสที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาวะปกติเหมือนก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 นั้นไม่มีเหลือเลย อย่างน้อยในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลล่าสุดจาก มหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์ ณ บ่ายวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า มีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์สะสมทั่วโลกแล้วที่ 13 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 570,000 คน
เทดรอส เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวระหว่างการแถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ในวันจันทร์ ว่า ทุกฝ่ายยังคงมีโอกาสที่จะพยายามควบคุมการระบาดของโควิด-19 แต่ย้ำเตือนว่า “หลายประเทศยังคงเดินหน้าไปในทิศทางที่ผิด”
ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ระบุด้วยว่า ผู้นำหลายประเทศยังคงส่งข้อมูลที่ขัดแย้งออกมา ทำให้ประชาชนขาดความไว้วางใจ ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลต่างๆ ต้องทำการสื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจน พร้อมๆ กับการดำเนินยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมเพียงพอต่อการหยุดยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสให้ได้
ในส่วนของสถานการณ์ทั่วโลกนั้น ประเทศอินเดียรายงานอัตราการติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ หลังมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 28,701 คน ทำให้อินเดียยังคงเป็นประเทศที่มีปัญหาการระบาดรุนแรงเป็นอันดับ 3 ของโลก ตามหลังสหรัฐฯ และบราซิล ต่อไป และทำให้รัฐบาลในหลายรัฐหันกลับมาใช้คำสั่งล็อคดาวน์อีกครั้งเพื่อหวังชะลอการระบาด
ที่สหรัฐฯ มีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มกว่า 60,000 คนในวันอาทิตย์ โดยหลายรัฐพบการระบาดขยายวงกว้างหนักต่อเนื่อง อาทิ รัฐฟลอริดา รัฐเท็กซัส รัฐหลุยเซียนา และรัฐแอริโซนา
หลังจากมีภาพของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฏตัวพร้อมสวมใส่หน้ากากเป็นครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ พลเรือโท เจอโรม อดัมส์ แพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ หรือ Surgeon General ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่ากับอธิบดีกรมอนามัยของไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ Face The Nation ทางสถานีโทรทัศน์ ซีบีเอส เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประชาชนควรต้องได้รับความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับความสำคัญของการปกปิดใบหน้า เพื่อที่จะปฏิบัติตามหลักการป้องกันการระบาดนี้โดยเต็มใจ และตลอดเวลาโดยไม่ต้องมีใครต้องเตือน
ทั้งนี้ สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมแล้วกว่า 3.3 ล้านคน และรายงานผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 135,000 คน ตามข้อมูล ณ บ่ายวันจันทร์
รัฐบาลเม็กซิโกรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นเป็น 35,006 คน ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 4 ของโลก แต่ ประธานาธิบดี อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ประกาศว่า สถานการณ์การระบาดในประเทศนั้นถือว่า “เริ่มอ่อนแรงลง” พร้อมย้ำว่า ประชาชนต้องพยายามปกป้องตัวเอง ขณะที่ร่วมกันทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปให้ได้
ขณะเดียวกัน รัฐบาลในหลายประเทศ ประกาศในวันจันทร์ ให้การสวมใส่หน้ากากในที่สาธารณะเป็นสิ่งที่ต้องทำแล้ว เช่น ในประเทศโครเอเชีย และบางภูมิภาคของประเทศสเปน ซึ่งมีการระบาดหนักและเพิ่งปลดล็อคคำสั่งล็อคดาวน์ไปเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนที่ทางการท้องถิ่นหลายแห่งตัดสินใจกลับมาดำเนินคำสั่งจำกัดต่างๆ อีกครั้ง เนื่องจากตัวเลขการติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นอีกรอบ
ส่วนที่แอฟริกาใต้ ประธานาธิบดี ซีริล รามาโพซา ออกคำสั่งในวันอาทิตย์ ห้ามการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบังคับใช้กฎเคอร์ฟิว เพื่อหวังควบคุมภาวการณ์ระบาดของประเทศที่สูงที่สุดในทวีปแอฟริการในเวลานี้
และที่ฮอนดูรัส ทางการประกาศยืดเวลาบังคับใช้กฎเคอร์ฟิวที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ไปมีผลต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์ เพื่อชะลอการระบาดเช่นกัน