ปัญหาว่างงานทั่วโลกส่งสัญญาณเริ่มรุนแรงหนัก หลังธุรกิจแฟชั่น-สินค้าฟุ่มเฟือยระส่ำเพราะโควิด-19

มาตรการและนโยบายรักษาระยะห่างทางสังคมและการสั่งปิดเมืองในหลายๆ ประเทศเนื่องจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคไม่ได้ออกมาเดินซื้อของสักระยะหนึ่งแล้ว และแม้ธุรกิจหลายแห่งจะรีบหันมาเน้นการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทันที สถานการณ์การระบาดที่ยังดำเนินอยู่ทำให้หลายคนเลิกหยุดช้อปปิ้งออนไลน์โดยเฉพาะสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานบทวิเคราะห์สภาพธุรกิจล่าสุดที่สำรวจข้อมูลจากผู้ประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับแฟชั่นและผู้ผลิตและผู้ค้าสินค้าฟุ่มเฟือย 1,400 คน โดย Business of Fashion และ McKinsey & Company ซึ่งระบุว่า บริษัทสินค้าฟุ่มเฟือยและแฟชั่นน่าจะเป็นรายต่อไปที่ทรุดหนัก และน่าจะหดตัวราว 30% ในปีนี้

ที่ผ่านมา ลูกจ้างธุรกิจค้าปลีกหลายแสนคนถูกพักงานโดยไม่มีค่าจ้างหรือเงินเดือนไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่บทวิเคราะห์เตือนบริษัทต่างๆ ที่ร่วมการสำรวจราว 80% ให้เตรียมรับมือกับปัญหาการเงินหนักในปีนี้ พร้อมคาดว่ามีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่อาจต้องประกาศภาวะล้มละลายภายใน 18 เดือน หากไม่สามารถเปิดทำการตามปกติได้อีกนาน

การที่ร้านค้าต่างๆ ต้องปิดทำการชั่วคราวนี้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่ออุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะการยกเลิกคำสั่งซื้อหมายถึงโรงงานผลิตเสื้อผ้าในหลายประเทศ เช่น บังคลาเทศ อินเดีย และกัมพูชา อาจต้องเลิกจ้างคนงานอีกหลายล้านคน

อิมราม อาเหม็ด ซีอีโอของ Business of Fashion เรียกร้องให้บริษัททุกแห่งที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันเพื่อรับมือและแก้ไขปัญหาที่อุตสาหกรรมแฟชั่นประสบหลังสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 คลี่คลายลง โดยเฉพาะผู้ที่สามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้โดยไม่เสียหายหนัก ควรลงมือทำสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อสร้างเสถียรภาพของธุรกิจในช่วงที่เศรษฐกิจโลกน่าจะตกอยู่ในภาวะถดถอย

อย่างไรก็ดี ขณะที่ผู้ประกอบการหลายราย โดยเฉพาะในสหรัฐฯ กำลังทำทุกอย่างเพื่อพยุงกิจการในเวลานี้ ผู้ค้าปลีกบางราย เช่น สินค้าแฟชั่น H&M และผลิตภัณฑ์กีฬา Nike เปิดเผยว่า ยอดขายของตนในเอเชียเริ่มกระเตื้องขึ้นบ้างแล้วหลังปิดร้านในภูมิภาคนี้ไปหลายแห่ง