รัฐบาลอินเดียประกาศสั่งปิดเมืองทั่วประเทศเป็นเวลา 3 สัปดาห์ พร้อมห้ามประชาชนราว 1,300 ล้านคนออกนอกบ้าน เพื่อหวังควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19
นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนธรา โมดี แถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ขอให้ประชาชนปฏิบัติตนเหมือนอยู่ในเคอร์ฟิวที่ห้ามผู้คนออกมานอกเคหะสถาน โดยให้มีผลตั้งแต่เที่ยงคืนของวันอังคารเป็นต้นไป
คำสั่งเคอร์ฟิวของอินเดียนี้ถือเป็นมาตรการล็อคดาวน์ที่มีผลในวงกว้างที่สุดในโลกตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
นายกรัฐมนตรีโมดี อ้างคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับความจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการเข้มข้นนี้ พร้อมกล่าวว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง และ “หากรัฐบาลไม่จัดการให้ได้ภายใน 21วันข้างหน้าให้ดี ประเทศทั้งประเทศจะถดถอยกลับไปเหมือนเมื่อ 21 ปีก่อน”
การประกาศล็อคดาวน์ของอินเดียมีขึ้นหลังตัวเลขผู้ติดเชื้ออย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้นเป็น 482 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 ราย ขณะที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลขทั้งหมดน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากอินเดียไม่มีศักยภาพในการทำการตรวจทดสอบผู้ติดเชื้อเพียงพอ
ก่อนหน้านี้ เนปาลซึ่งอยู่ติดกันประกาศมาตรการล็อคดาวน์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ไปแล้ว แม้จะพบผู้ติดเชื้อเพียง 2 ราย แต่รัฐบาลกลัวว่าตัวเลขอาจจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะแรงงานอพยพจำนวนมากจากอินเดียเพิ่งกลับมาจากวันหยุดพักผ่อนที่บ้านเกิดเมื่อเร็วๆ นี้
ในส่วนของอินเดียนั้น แม้นายกรัฐมนตรีโมดีจะเน้นย้ำให้ประชาชนะปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการรักษาระยะห่างในสังคม หลายฝ่ายชี้ว่า จุดนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ยากเนื่องจากประชาชนหลายล้านคนของอินเดียใช้ชีวิตร่วมกันในแบบครอบครัวภายในห้องหรือบ้านเล็กๆ ในสลัม ขณะที่การให้คนอยู่ในบ้านตลอดเวลานั้นน่าจะส่งผลให้คนยากจนหลายล้านคนในประเทศที่พึ่งค่าแรงรายวันในการยังชีพจะประสบปัญหาหนักในเร็วๆ นี้
ขณะเดียวกัน ปากีสถานยืนยันในวันอังคารเช่นกันว่า ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรก ซึ่งเป็นหนึ่งในนักโทษในเรือนจำแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่ามีความแออัดมากในเมืองลาฮอร์ รัฐปัญจาบ โดยรายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ถูกจับกุมในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดในอิตาลีก่อนจะถูกส่งตัวกลับมาที่ปากีสถาน
เจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลกลางลาฮอร์ บอกกับผู้สื่อข่าวของ วีโอเอ ว่า ผู้ป่วยรายนี้ถูกย้ายไปขังเดี่ยวเพื่อทำการรักษาทันทีที่ทราบว่าติดเชื้อ และเจ้าหน้าที่เรือนจำได้รับคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อจนกว่าผลทดสอบจะยืนยันการปลอดเชื้อ