Your browser doesn’t support HTML5
สถานการณ์ขาดแคลนเจลล้างมือและผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อในสหรัฐฯ ยังต้องดำเนินต่อไปอีกสักระยะ เนื่องจากกำแพงภาษีที่รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดขึ้นสำหรับสินค้าที่มาจากประเทศจีน ที่ทำให้การนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยากกว่าที่ควร
บริษัทที่ทำธุรกิจด้านเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ รวมทั้งผู้นำเข้าที่เกี่ยวข้อง ยื่นเรื่องต่อหน่วยงานรัฐหลายครั้ง เพื่อขอให้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการภาษีในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะภาษีที่เรียกเก็บนั้นทำให้ต้นทุนของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในภาวะขาดแคลนในสหรัฐฯ ยิ่งสูงขึ้น ในช่วงที่การระบาดของโควิด-19 ยังดำเนินอยู่นี้
บริษัท ลูบริซอลซึ่งเป็นธุรกิจเคมีภัณฑ์ของ เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของมหาเศรษฐี วอร์เรน บัฟเฟต คือหนึ่งในบริษัทที่ยื่นเรื่องขอให้รัฐบาลสหรัฐฯ ลดภาษีสำหรับสารกลูตารัลดีไฮด์ ซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่ผู้จัดจำหน่ายของจีนบริจาคให้โรงพยาบาลในเมืองอู่ฮั่นใช้ไปก่อนหน้านี้
ส่วนบริษัท เบอร์รี โกลบอล กรุ๊ป ซึ่งผลิตกระดาษทำความสะอาด กล่าวว่า ภาษีสำหรับใยผ้าวิสโคส-เรยอน ทำให้เกิดภาระทางการเงินอย่างมากสำหรับบริษัทในการผลิตสินค้าเพื่อใช้งานในสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน ภาษีสำหรับเจลล้างมือที่นำเข้าจากจีนทำให้ผู้นำเข้าหลายรายตัดสินใจไม่สั่งสินค้าเข้ามา หรือสั่งมาน้อยกว่าความต้องการในประเทศเช่นกัน
รายงานข่าวระบุว่า ทำเนียบขาวได้ประสานงานกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ หรือ USTR ที่รับผิดชอบตัดสินว่าสินค้าตัวใดควรจ่ายภาษีเท่าใดแล้ว และทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อเพื่อขอความเห็น แต่ยังไม่ได้รับคำตอบกลับมา
หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal รายงานเมื่อเดือนที่แล้วว่า USTR ได้อนุญาตให้บริษัทต่างๆ ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์จากจีนกว่า 100 รายการ ซึ่งรวมถึงหน้ากากอนามัย ที่ปิดหูฟังแพทย์ ถุงมืออนามัย และผ้าคลุมโต๊ะห้องผ้าตัด
USTR เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมาว่า การจัดเก็บภาษีสำหรับสินค้าบางประเภทจากจีนนั้น ไม่ได้ทำให้เกิดการลดลงของปริมาณอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เป็นที่ต้องการในประเทศแต่อย่างใด
หลังจากนั้นเป็นต้นมา บริษัทที่ทำธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์หลายแห่งเริ่มยื่นคำร้องเกี่ยวกับพิกัดภาษีที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งจำเป็นต่อการสู้การระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ มีปัญหาแล้ว
ทั้งนี้ สหรัฐฯ สั่งเรียกเก็บภาษีจากสินค้าจีนที่มีมูลค่ารวมราว 370,000 ล้านดอลลาร์ แม้รัฐบาลทั้งสองจะบรรลุข้อตกลงการค้าระดับหนึ่งแล้ว เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา