เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐเทนเนสซี สหรัฐฯ เปิดเผยว่า พบกลุ่มผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสกลุ่มหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับการประชุมเพื่อทำพิธีทางศาสนาของคริสตจักรในเมืองแนชวิลล์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่น The Tennessean
เลสลีย์ วอลเลอร์ นักระบาดวิทยาแห่งสำนักงานสาธารณสุขเมืองแนชวิลล์ กล่าวว่า พบผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 10 คน จากสถานที่ทำพิธีศีลจุ่ม หรือ แบพติสต์ ที่มีผู้เข้าร่วมราว 18,000 คน ก่อนที่ผู้เข้าร่วมพิธีจะเดินทางกลับไปยังรัฐต่าง ๆ ทั่วประเทศ
เมืองแนชวิลล์ยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากากและมาตรการห้ามชุมนุมเป็นเวลาหนึ่งเดือนก่อนที่จะมีการประชุมดังกล่าวซึ่งจัดในอาคารขนาดใหญ่ ขณะที่มีรายงานว่าผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่อาจไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันการติดโควิด-19 อีกด้วย
ผลสำรวจที่จัดทำโดย Associated Press-NORC Center for Public Affairs Research เมื่อเดือนมีนาคม พบว่า 40% ของประชากรผิวขาวที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์-อิวานเจลิคอล ในอเมริกา บอกว่าจะไม่ฉีดวัคซีนโควิด เทียบกับ 25% ของประชากรอเมริกาทั้งหมด
อัตราการระบาดยังสูงในพื้นที่ที่มีการฉีดวัคซีนต่ำ
เมื่อวันเสาร์ สื่อ CBS News รายงานว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อกำลังเพิ่มขึ้นในมากกว่า 25 รัฐของสหรัฐฯ ในขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยโควิดที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นใน 17 รัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 52% เป็นสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดหนักในหลายประเทศ
นายแพทย์เกร็ก การ์ดเนอร์ แห่งโรงพยาบาล Mountain West ในรัฐยูทาห์ กล่าวกับ CBS ว่า ผู้ป่วยโควิดทุกคนที่มารักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้คือคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนทั้งหมด
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ระบุว่า เวลานี้มีคนอเมริกันที่ได้รับวัคซีนโควิดครบโดสแล้วราว 159 ล้านคน หรือเกือบ 50% จากประชากรทั้งหมดราว 330 ล้านคน ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 16% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
(ที่มา: วีโอเอ เอพี และซีบีเอส)