Your browser doesn’t support HTML5
ตำรวจและทหารวางกำลังตามจุดสำคัญๆ ในใจกลางกรุงวอชิงตันสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะส่วนที่ใกล้กับอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ
รั้วที่สูงติดลวดหนาม และเจ้าหน้าที่ที่ถืออาวุธบริเวณถนนหลักรอบๆตึกรัฐสภาเป็นภาพที่หวนให้คิดถึงการจลาจลบุกยึดตึกที่ทำการของฝ่ายนิติบัญญัติ เมื่อวันที่ 6 มกราคม โดยผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดี ทรัมป์ ในเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิต 5 ราย
เจ้าหน้าที่ยกระดับเรื่องความปลอดภัยอีกครั้งในสัปดาห์นี้ เนื่องจากุฒิสภารับเรื่องพิจารณาว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กระทำผิดจากข้อกล่าวหาที่ว่าเขาปลุกปั่นให้ผู้สนับสนุนก่อเหตุจลาจล บุกเข้ารัฐสภา หรือไม่ โดยในวันดังกล่าวสภากำลังอยู่ในกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ทรัมป์แพ้ต่อโจ ไบเดน
หน้าที่ดังกล่าวของรัฐสภาสะท้อนถึงกลไกตรวจสอบและคานอำนาจฝ่ายบริหาร ในวันพรุ่งนี้ 9 กุมภาพันธ์ หรือราวหนึ่งเดือนหลังเหตุการณ์จลาจล จะมีการเริ่มกระบวนของฝ่ายสมาชิกวุฒิสภา 100 คนในการพิจารณาข้อกล่าวหาต่อทรัมป์ ในกระบวนการ impeachment ถือเป็นการรับเรื่องต่อมาจากสภาผู้แทนราษฎร โดยขณะนี้ฝ่ายเดโมเเครตคุมเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนฯและวุฒิสภา
อีกหน้าที่หนึ่งในสัปดาห์นี้ของสมาชิกรัฐสภาอเมริกันที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ การพิจารณากฎหมายรองรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดี โจไบเดน มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโคโรนาไวรัส
ในเรื่องนี้สมาชิกคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องจะร่างกฎหมาย งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินต่อครอบครัวอเมริกัน รวมถึงภาคเเรงงาน ธุรกิจ และรัฐบาลท้องถิ่นตามรัฐต่างๆ
เสียงคัดค้านจากฝ่ายรีพับลิกัน ต่องบประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของโจ ไบเดน มาจากความกังวลที่ว่าแผนดังกล่าวใช้เงินมากเกินไป นอกจากนั้นยังมีผู้เเนะนำว่าโจ ไบเดนควรพิจารณาให้เงินช่วยเหลือต่อประชากรในกลุ่มที่เเคบลง
ฝ่ายเดโมเเครตเห็นว่า จำเป็นต้องใช้เงินงบประมาณที่สูงเพื่อรับมือกับปัญหาที่อยู่ในขั้นวิกฤต
พีท บุดดิเจ็จ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนกล่าวในรายการ This Week ของช่อง ABC ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ รัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนชาวอเมริกันจำนวนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ อย่างเเข็งขันที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจะต้องรีบช่วยเหลือคนเหล่านี้อย่างเร่งด่วน
พลวัตรทางการเมืองเรื่องการออกกฎหมายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ มีปัจจัยเรื่องการเดินหน้าพิจารณาความผิดของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน โรเจอร์ วิคเคอร์ จากรัฐมิสซิสซิปปี กล่าวในรายการThis Week เช่นกันว่า ข้อกล่าวหาที่จะเอาผิดอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ในกระบวนการ impeachment จากการมองว่าโดนัลด์ ทรัมป์ มีบทบาทอย่างเฉพาะเจาะจง ในการปลุกปั่นให้เกิดจลาจล เมื่อวันที่ 6 มกราคม ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่พิสูจน์หาความผิดได้ ในทัศนะของเขา
ส.ว. วิคเคอร์ กล่าวด้วยว่า การเดินเรื่อง impeachment ครั้งนี้ เป็นความพยายามทำเเต้มทางการเมืองที่ “ไร้สาระ”
ขณะนี้ ในวุฒิสภา พรรคเดโมเเครตและรีพับลิกันมีเสียง ส.ว.เท่ากันที่ 50 เสียง โดยรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จากเดมฌเครต เป็นเสียงตัดสิน
แต่ในกรณีของการพิจารณาความผิดของประธานาธิบดี ส.ว. เดโมเเครตทั้ง 50 นอกจากจะต้องออกเสียงพร้อมเพรียงกันแล้วยังต้องได้เสียงสนับสนุนเพิ่ม 17 คนจากฝ่ายรีพับลิกัน มาร่วมกับฝ่ายตนด้วย ดังนั้นจึงเป็นที่คาดหมายว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ถูกพิจารณาว่ามีความผิดโดยวุฒิสภา
อย่างไรก็ตามหากเดโมเเครตต้องการดำเนินการต่อ พวกเขาอาจขอผ่านญัตติเชิงสัญลักษณ์เพื่อประณามอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หรือ resolution to “censure" อีกทางเลือกหนึ่งคือขออ้างกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในบทแก้ไขเพิ่มเติมข้อที่ 14 ที่อาจทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ขาดคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกในอนาคตได้