นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยงานสืบสวนกลางสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ ขึ้นให้การต่อคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับการพูดคุยระหว่างเขาและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงที่เอฟบีไอตรวจสอบความเกี่ยวโยงของรัสเซียกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ
เจมส์ โคมีย์ ซึ่งถูกประธานาธิบดีทรัมป์ไล่ออกจากตำแหน่ง ผอ.เอฟบีไอ เมื่อต้นเดือนที่แล้ว ขึ้นให้การต่อคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อเวลา 10 โมงเช้าวันพฤหัสบดี ที่กรุงวอชิงตัน ซึ่งสื่อสหรัฐฯจับตามองอย่างใกล้ชิดเพราะสิ่งที่เขากล่าวต่อสภาอาจมีผลต่ออนาคตทางการเมืองของผู้นำสหรัฐฯ
ถือเป็นครั้งแรกที่นายโคมีย์เปิดเผยต่อสาธารณชน เกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างเขากับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งหมด 9 ครั้ง ในช่วงไม่กี่เดือนก่อนที่นายโคมีย์จะถูกไล่ออก
นายเจมส์ โคมีย์ ให้การว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ขอให้เขายุติการสืบสวนพลโทไมเคิ่ล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ในกรณีการติดต่อระหว่างพลโท ฟลินน์กับรัสเซีย โดยนายโคมีย์เล่าว่าประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวกับตนว่า “พลโทฟลินน์เป็นคนดี จึงขอให้ปล่อยเขาไป”
นายโคมีย์บอกว่าตนตะลึงงันต่อคำขอดังกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์ จนตนไม่สามารถคิดคำตอบกลับไปได้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
สมาชิกพรรคเดโมแครตบางคน กล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขอให้ยุติการสืบสวนกรณีพลโทไมเคิ่ล ฟลินน์ ถือเป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งอาจนำไปสู่การถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง เหมือนกรณีที่เคยทำให้อดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ต้องลาออกจากตำแหน่ง เมื่อปี ค.ศ. 1974
ในการให้การครั้งนี้ นายโคมีย์ยังได้พูดถึงความต้องการของประธานาธิบดีทรัมป์ให้เกิดความคลี่คลายในการสืบสวนเรื่องรัสเซีย เพราะเรื่องนี้เป็นเหมือน "เมฆ" ปกคลุมการทำงานของรัฐบาลและว่า หน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ ยังคงมีความมั่นใจอย่างมากว่า รัสเซียได้แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อดีต ผอ.เอฟบีไอ กล่าวถึงคำแถลงของทำเนียบขาวที่ระบุถึงเหตุผลในการปลดนายเจมส์ โคมีย์ ว่าเป็นเพราะเขาไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานตำแหน่งนี้ โดยนายโคมีย์บอกว่า “เป็นคำโกหก” และเป็นความพยายามทำลายเกียรติของตน ซึ่งต่อมาประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมายอมรับว่า ตนคิดถึงประเด็นเรื่องรัสเซียตอนที่ตัดสินใจปลดนายโคมีย์
ก่อนการขึ้นให้การ นายโคมีย์ได้จัดทำร่างคำแถลง โดยระบุว่าประธานาธิบดีทรัมป์บอกให้เขาในฐานะผู้อำนวยการเอฟบีไอขณะนั้น เปิดเผยต่อประชาชนว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ได้ถูกตรวจสอบเรื่องรัสเซีย
และนายโคมีย์บอกด้วยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์พูดหลายครั้งให้เขา "จงรักภักดี" ต่อผู้นำสหรัฐฯ ขณะรับประทานอาหารร่วมกันสองคนที่ทำเนียบขาว ซึ่งสร้างความลำบากใจต่อนายโคมีย์ เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานเอฟบีไอถูกคาดหมายให้ทำงานอย่างเป็นอิสระ
นายโคมีย์บอกว่าในครั้งนั้นตนไม่รับปากอย่างเต็มใจ เพียงแต่บอกว่าตนจะให้ "ความซื่อสัตย์" ต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทั้งสองนำไปสู่การไล่นายโคมีย์ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม
การขึ้นให้การของนายเจมส์ โคมีย์ ในวันพฤหัสบดี ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางสื่อต่างๆ ใช้เวลาทั้งหมดราว 3 ชม. จากนั้นได้มีการให้การแบบปิดในห้องที่ป้องกันการลอบดักฟัง โดยนายโคมีย์บอกว่าตนต้องการพูดถึงอีกหลายประเด็นที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งปกติมักจะตอบโต้ประเด็นต่างๆ อย่างรวดเร็วทางสื่อสังคมออนไลน์ Twitter กลับค่อนข้างเก็บตัวเงียบอย่างผิดสังเกตระหว่างการขึ้นให้การของนายโคมีย์ในวันนี้
(ผู้สื่อข่าว Ken Bredemeier รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)