นโยบาย "เรียนมหาวิทยาลัยฟรี" ของนางคลินตั้น ถูกตั้งคำถามเรื่องผลทางปฏิบัติ

Clinton Free College

นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่านักเรียนศึกษาจ่ายเงินเรียนเองมีแนวโน้มที่จะทุ่มเทมากกว่าการเรียนฟรี

Your browser doesn’t support HTML5

Clinton Free College

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังเข้าช่วงสองสัปดาห์สุดท้าย และดูเหมือนว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทุกกลุ่ม ต่างมีความสำคัญต่อทั้งนางฮิลลารี่ คลินตั้น ตัวแทนเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ของพรรครีพับลิกัน

สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิออกเสียง รวมถึงผู้ปกครองของคนเหล่านี้ นโยบายการศึกษามีน้ำหนักสำคัญทีเดียวในการตัดสินใจว่าจะเลือกใคร

หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ของสหรัฐฯ ตีพิมพ์บทความวิเคราะห์ความเป็นไปได้ และผลที่น่าจะเกิดขึ้น จากนโยบายที่นางคลินตั้นเสนอให้ครอบครัวชนชั้นกลางที่มีรายได้ 85,000 ถึง 125,000 ดอลลาร์ต่อปี ในอีก 5 ปีจากนี้ สามารถเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐโดยไม่ต้องจ่ายค่าเทอม

ภายใต้โครงการเรียนฟรีของนางคลินตั้น รัฐบาลกลางจะให้เงินสนับสนุนผ่านรัฐต่างๆ นำเงินไปจัดสรรให้มหาวิทยาลัยมากขึ้น โดยนางคลินตั้นประเมินค่าใช้จ่ายในด้านนี้ไว้ที่ 5 แสนล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 ปีจากนี้

โฆษกของคณะหาเสียงของนางคลินตั้นบอกกับ The Wall Street Journal ว่าตัวแทนจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ทราบดีว่า การเรียนมหาวิทยาลัยเปรียบได้กับการต่อบันไดให้กับชนชั้นกลาง และนั่นเป็นสาเหตุให้เธอตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวอเมริกันสามารถเรียนมหาวิทยาลัยได้ โดยลดอุปสรรคด้านค่าใช้จ่าย

ปัจจุบันหากชาวอเมริกันคนใดต้องการเรียนมหาวิทยาลัยฟรี นักเรียนเหล่านี้สามารถเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยชุมชนหรือ community college หลักสูตร 2 ปีได้โดยไม่ต้องเสียค่าเทอม หากพิจารณาถึงเงินช่วยเหลือตามข้อมูลของสถาบัน College Board

อย่างไรก็ตาม การศึกษาขององค์กรไม่หวังผลกำไร National Student Clearinghouse ระบุว่า มีเพียง 4 ใน 10 คนเท่านั้นที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชุมชนตามหลักสูตร 2 ปี และจบได้ปริญญาภายใน 6 ปี

Neil McCluskey จากสถาบันวิจัยเชิงนโยบาย Cato Institute ที่มักสนับสนุนการลดบทบาทของรัฐ กล่าวว่า นักเรียนศึกษาจ่ายเงินเรียนเห็นความสำคัญกับการลงทุนเพื่อความก้าวหน้าของตนเองมากกว่าการเรียนฟรี

รายงานไม่นานนี้ระบุว่า นักเรียนที่กู้เงินมาเรียนเล็กน้อย มีความเป็นไปได้ที่จะเรียนจบมากกว่าผู้ที่ไม่ต้องกู้เงินมาเรียนเลย

ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ บอกว่า การเรียนมหาวิทยาลัยฟรีไม่ได้แก้ปัญหาพื้นฐานของสหรัฐฯ ที่ขาดผู้มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ หรือที่เรียกว่า STEM ศึกษา ซึ่งสร้างทักษะที่สำคัญและเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนับสนุนนโยบายของนางคลินตั้น เห็นว่าการสนับสนุนค่าเทอมของนักเรียน จะช่วยผ่อนเพลาภาระเงินกู้ที่นักศึกษาจำนวนมากกู้ยืมมาเพื่อจ่ายค่าเรียนระดับปริญญาของตน

(รายงานโดย The Wall Street Journal / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)