เผยปัญหาหนุ่มสาวจีนถูกขโมยข้อมูลส่วนตัว-สวมสิทธิ์เข้าเรียนมหาวิทยาลัย

Staff members monitor the venues as students sit for the annual national college entrance examination, or "gaokao", in Xian, Shaanxi province, China, June 7, 2018.

Your browser doesn’t support HTML5

Chinese Student


ในประเทศจีน กำลังเกิดปัญหา หนุ่มสาวถูกขโมยข้อมูลส่วนตัว และถูกสวมสิทธิ์เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งมีการแข่งขันกันสูง หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบคือ ชุนซิว เฉิน ลูกสาวชาวนาผู้ยากไร้ ผู้ที่ มีความใฝ่ฝันที่จะศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อยกระดับชีวิตของตนและครอบครัว

หลายปีที่ผ่านมาเธอเรียนอย่างหนักและคิดว่าตัวเองทำได้ดีในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่เธอไม่สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในฝัน หรือแม้แต่ดูผลสอบของตัวเธอเองได้

หลังจากที่ทำงานค่าแรงต่ำ ทั้งเป็นคนงานในโรงงาน พนักงานเสิร์ฟและคุณครูสอนเด็กอนุบาล เป็นเวลานาน 16 ปี ในที่สุดปีนี้เธอก็เพิ่งได้เห็นผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้เธอถึงกับตกตะลึง

เฉินพบว่า นักเรียนอีกคนหนึ่งที่มีคะแนนต่ำกว่าเธอมาก ได้ขโมยข้อมูลของเธอและสวมรอยใช้ชื่อของเธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในมณฑลชานตง จากนั้นก็ได้เข้าทำงานกับรัฐบาลท้องถิ่น และยังคงใช้ชื่อของเธออยู่จนถึงปัจจุบัน

กรณีดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในประเทศจีน สำนักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีนได้เรียกร้องให้ทางการสอบสวนผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้อย่างละเอียด

ตั้งแต่เรื่องราวของสตรีผู้นี้ถูกเปิดเผยสู่สาธารณชน ก็มีผู้คนมากมายเข้ามาโพสต์ประสบการณ์ที่คล้าย ๆ กันกับเธอเช่นกัน

FILE - A Chinese student is greeted by a relative after taking the annual college entrance examinations in Beijing, June 8, 2010. Each year, about 10 million high school seniors across China take the "gaokao", the exam that is the sole determinant for whe

หู เจีย นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนในกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า เรื่องราวน่าสลดใจที่ได้รับการเปิดเผยนี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น

รายงานการสอบสวนล่าสุดที่เผยแพร่ในหนังสือพิพม์ Southern Metropolis Daily ของจีน ระบุว่า มหาวิทยาลัย 14 แห่งในมณฑลชานตงเผยว่า มีนักศึกษาถึง 242 คนที่ถูกสงสัยว่าใช้ชื่อของบุคคลอื่นเข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษา ในระหว่างปี พ.ศ. 2561-2562

ผู้สังเกตการณ์การเมืองของจีน กล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงในสังคมจีนที่ว่า คนจีนชนชั้นล่างมักจะถูกเอาเปรียบจากคนที่ร่ำรวยและมีอำนาจ

รูปแบบดังกล่าวเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยซึ่งเป็นโอกาสเดียวที่จะให้ชาวจีนชนชั้นล่างส่วนใหญ่สามารถยกระดับตนเองในสังคมได้ แต่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยมีการแข่งขันสูง อย่างที่บางคนเปรียบเทียบว่า เสมือนทหารนับพันพยายามข้ามสะพานไม้ที่มีไม้กระดานวางพาดแผ่นเดียว

นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน หู เจีย กล่าวว่า การขโมยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในพื้นที่ที่มีการแข่งขันอย่างเข้มข้น เช่น ในมณฑลชานตง เหอหนาน และเสฉวน ซึ่งมีประชากรหนาแน่น และผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เป็นสตรี

เขาบอกว่า พ่อแม่ที่มีอำนาจหรือมีเงินมักจะติดสินบนหรือสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย เพื่อช่วยบุตรหลานของตนที่สอบได้คะแนนต่ำ ซึ่งเป็นการผลักนักเรียนคนอื่น ๆ ที่มีคะแนนสูงกว่าให้สอบตกไป และว่าเมื่อการทุจริตดังกล่าวถูกเปิดเผย ครอบครัวของคนเหล่านั้นก็มักจะใช้เงินหรือใช้เส้นสายในการแก้ปัญหา

หู ปิง นักวิจารณ์การเมืองชาวจีนที่อาศัยอยู่ในนครนิวยอร์ก กล่าวว่า การทุจริตในระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแบบนี้เกิดขึ้นได้เพราะผู้กระทำความผิดไม่ต้องรับโทษที่ร้ายแรง และว่า ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของจีนควรมีบทลงโทษที่รุนแรงในการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล เพราะนั่นอาจเป็นเพียงโอกาสเดียวที่เด็กๆ จากครอบครัวที่ยากจนนับหมื่นคนจะสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของพวกเขาได้

นอกจากนี้การทุจริตลักษณะนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการขาดประสิทธิภาพในการดูแลระบบการศึกษาของจีนเอง จึงทำให้มีผู้ปลอมแปลงเอกสารได้ง่ายอีกด้วย