ประชาชนและกลุ่มธุรกิจในประเทศจีนแสดงความไม่พอใจมากขึ้น ในการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในจีนทำสถิติสูงสุด เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ประชาชนเริ่มมีความหวังว่าทางการจะลดหย่อนมาตรการดังกล่าว
การกลับมาระบาดอีกครั้งของโควิด-19 ในจีน โดยทำสถิติมีผู้ป่วยใหม่ 32,695 คน จากการรายงานของหลายเมืองในวันพฤหัสบดี ทำให้ทางการจีนใช้มาตรการล็อคดาวน์ละมาตรการอื่น ๆ อย่างแพร่หลาย เพื่อจำกัดกิจกรรมของชุมชนและของกลุ่มธุรกิจ และส่งผลทำให้เกิดกระแสการต่อต้านตามมา
มาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เข้มข้นของจีน ได้ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก โดยในวันศุกร์ ธนาคารกลางของจีนได้ประกาศลดจำนวนเงินสำรองระหว่างประเทศที่ธนาคารต้องมีไว้ ซึ่งนั่นทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนระยะยาวเข้ามาในระบบการเงินกว่า 500,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท
สภาหอการค้าฝรั่งเศสในประเทศจีนได้ขอร้องให้ทางการจีนนำเอามาตรการโควิดที่ "เหมาะสม" ที่เคยประกาศใช้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนมาใช้ให้ถูกต้อง
แถลงการณ์ส่วนหนึ่งของสภาหอการค้าฝรั่งเศส ระบุว่ามาตรการทั้ง 20 ข้อ ซึ่งรวมถึงการทำให้ช่วงเวลากักตัวสั้นลง และมีขั้นตอนควบคุมการระบาดที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นนั้น ได้ “สร้างความหวัง” ให้กับบริษัทฝรั่งเศสในจีน ว่าจะทำให้มีการค้าขายและการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศมากขึ้น แต่ “นโยบายที่ดีนั้นจำเป็นต้องถูกนำไปปฏิบัติอย่างสอดคล้องพร้อมเพรียงกัน โดยไม่เพิ่มขั้นตอน หรือนำนโยบายอื่น ๆ ที่ขัดกันเข้ามาใช้ด้วย"
คำแถลงการณ์ของสภาหอการค้าฝรั่งเศสดังกล่าว ได้รับการแชร์อย่างแพร่หลายในโซเชียลมีเดีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้การประกาศใช้มาตรการ 20 ข้อ ได้ทำให้เกิดความสับสนและความไม่แน่ใจในเมืองใหญ่ของจีน รวมทั้งในกรุงปักกิ่ง ซึ่งประชาชนหลายคนถูกบังคับให้อยู่ในบ้าน
“กฎเหล็ก”
ทางการจีนกล่าวว่านโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ zero-COVID ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ว่าเป็นนโยบายที่จะรักษาชีวิตคน และจำเป็นที่จะป้องกันไม่ให้ระบบสาธารณสุขของประเทศต้องรับภาระหนักจนเกินไป
นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายดังกล่าวอย่างจริงจังนั้น จะไม่เริ่มขึ้นจนกว่าเดือนมีนาคม หรือเมษายนในปีหน้า ในขณะที่ผู้เชี่ยชาญบางคนเตือนว่า จีนจะต้องเริ่มการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น และลดความรู้สึกกลัวโควิดอย่างรุนแรงในประเทศ
ที่โรงงานผลิตไอโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในเมืองเจิ้งโจว คนงานใหม่กว่า 20,000 คน ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในโรงงาน หลังจากที่เกิดความวุ่นวายก่อนหน้านี้ จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ตัวโรงงาน ซึ่งคาดว่าจะทำให้การผลิตโทรศัพท์ไอโฟน-14 รุ่นล่าสุดที่โรงงานฟ็อกซ์คอน (Foxconn) ล่าช้าออกไป ตามรายงานของรอยเตอร์
มาตรการทางเลือก?
ผู้คนได้เริ่มพูดถึงมาตรการทางเลือกที่จะนำมาใช้ควบคุมการระบาดของโควิด-19 เช่นในกรุงปักกิ่ง ประชาชนในหลายชุมชนได้แชร์และนำเสนอมาตรการที่พวกเขาคิดขึ้นผ่านทาง WeChat โดยนำเสนอวิธีกักตัวอยู่บ้านสำหรับผู้ที่ไม่แสดงอาการที่ร้ายแรง อย่างไรก็ตาม ไม่มีความชัดเจนว่ามาตรการเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่
นอกจากนั้น ในการแชร์ผ่านทางออนไลน์ ยังมีการพูดถึงสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะเข้ามานำตัวผู้ป่วยออกไปจากบ้าน มีการให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐาน หากพวกเขาต้องถูกนำไปที่ศูนย์กักตัว เป็นต้น
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสแห่ง อ๊อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิคส์ (Oxford Economics) ลูอิส ลู (Louise Loo) กล่าวว่า มีรายงานความไม่พอใจของผู้คนในหลายจังหวัด ต่อการล็อคดาวน์บางส่วนและการล็อคดาวน์แบบเต็มที่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการแสดงออกหรือการกระทำของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งออกมา
ลู เขียนในรายงานว่า “เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ เราคาดว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าจัดการอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการประท้วง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ส่วนผสมของการควบคุมข้อมูลข่าวสารอย่างเข้มงวด หรือการลดหย่อนมาตรการบางอย่าง”
เมื่อเกิดการระบาดระลอกใหม่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา การติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเมืองเซี่ยงไฮ้ แต่การระบาดรอบนี้ได้เกิดขึ้นในหลายเมืองและเป็นพื้นที่กว้างขวาง
เมืองกวางโจวทางตอนใต้ และเมืองฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ เป็นสองเมืองที่มีรายงานการติดโควิดที่สูงมาก ในขณะที่เมืองอื่น ๆ อย่างเฉิงตู จี่หนาน หลานโจว ซีอาน และหวู่ฮั่น มีผู้ติดเชื้อรายวันวันละหลายร้อยคน ส่วนกรุงปักกิ่งมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,860 คนในวันพฤหัสบดี ส่วนในทางตะวันออกของจีน เมืองหนานจิงรายงานว่าจะเร่ิมทำการตรวจโควิดขนานใหญ่เป็นเวลา 5 วันติดต่อกันเร่ิมตั้งแต่วันเสาร์นี้