รัฐบาลจีนประกาศว่า จะดำเนิน “มาตรการตอบโต้” เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของตน พร้อม ๆ กับกล่าวโจมตีสหรัฐฯ ที่ขายอาวุธมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับไต้หวัน
ภายใต้กฎหมายของประเทศ รัฐบาลสหรัฐฯ มีภาระหน้าที่ในการช่วยไต้หวันจัดหาช่องทางต่าง ๆ ในการปกป้องตนเอง แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการก็ตาม แต่เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นที่ทำให้กรุงปักกิ่งขุ่นเคืองเสมอมา
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เพนตากอนรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อนุมัติแผนการขายอาวุธที่ประเมินว่ามีมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ให้กับไต้หวัน โดยภายใต้ข้อตกลงนี้ สหรัฐฯ จะส่งมอบระบบขีปนาวุธต่อต้านการโจมตีทางอากาศล้ำสมัยที่มีการทดสอบในยูเครนมาแล้ว ให้กับกรุงไทเปเป็นครั้งแรกด้วย
หน่วยงาน Defense Security Cooperation Agency ของเพนตากอน กล่าวว่า การขายอาวุธนี้มีรายละเอียดที่ประกอบด้วย ระบบขีปนาวุธมูลค่า 1,160 ล้านดอลลาร์และระบบเรดาร์ซึ่งมีราคาประเมินที่ 828 ล้านดอลลาร์
Your browser doesn’t support HTML5
หน่วยงานนี้ระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า “ข้อเสนอการขายนี้จะช่วยปรับปรุงพัฒนาความมั่นคงของผู้รับ(ไต้หวัน) และช่วยในการรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพทางการเมือง ความสมดุลด้านการทหารและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจในภูมิภาค”
กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวันเสาร์ที่มีเนื้อหาประณามแผนงานนี้อย่างรุนแรงและคัดค้านอย่างแข็งขันต่อแผนการขายดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการช่วยติดอาวุธให้ไต้หวันในทันที เพื่อหยุดยั้งการเคลื่อนไหวอันเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพและสันติภาพในช่องแคบไต้หวันด้วย
แถลงการณ์นี้ยังระบุด้วยว่า “จีนจะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเด็ดเดี่ยวและดำเนินมาตรการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตย ความมั่นคงและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติอย่างแข็งขัน”
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จีนได้ยกระดับการดำเนินกิจกรรมทางทหารของตนรอบ ๆ ไต้หวันซึ่งปกครองตนเองในระบอบประชาธิปไตย แต่กรุงปักกิ่งย้ำเสมอว่า เป็นส่วนหนึ่งของตน
ในประเด็นการขายอาวุธนี้ ไต้หวันได้แสดงความยินดีต่อคำยืนยันของสหรัฐฯ สำหรับการอนุมัติการขายอาวุธครั้งที่ 17 ภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน
กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันกล่าวว่า “เมื่อต้องเผชิญกับคุกคามจากจีน ไต้หวันมีหน้าที่ที่จะป้องกันบ้านเกิดของตนและจะเดินหน้าแสดงความมุ่งมั่นในการปกป้องตนเองต่อไป”
- ที่มา: รอยเตอร์