Your browser doesn’t support HTML5
ประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่งกำลังเร่งมือดำเนินการจัดหาวัคซีนต้านโคโรนาไวรัส มาสู่ประชาชนของตน สถานการณ์ดังกล่าวได้ทำให้จีนเเสดงบทบาทช่วยนำวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทแดนมังกรมาสู่ประชากรในส่วนต่างๆ ของโลก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า จีนให้คำมั่นที่จะช่วยนำวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 500 ล้านโดสไปสู่ประเทศผู้รับกว่า 45 แห่ง
ปัจจุบันมีอย่างน้อย 25 ประเทศที่ได้เริ่มฉีดวัคซีนจากจีนไปแล้วทั่วโลก นั่นยังไม่ร่วมถึงประเทศที่จีนได้ส่งวัคซีนไปให้เเล้วอีก 11 แห่ง
ประเทศเหล่านี้มีตั้งแต่ที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน เช่น อินโดนีเซีย ไปจนถึงตุรกี บราซิล ชิลี และในยุโรป เช่น เซอร์เบีย และฮังการี เป็นต้น
หากพิจารณาว่าบริษัทจีนสี่แห่งคาดหมายว่าจะสามารถผลิตวัคซีนเพื่อต่อสู่กับการระบาดของโคโรนาไวรัสได้ กว่า 2,600 ล้านโดสปี นี้ จะพบว่าประชากรจำนวนมากของโลกจะได้รับวัคซีนจากจีน แทนที่จะเป็นของประเทศตะวันตกที่อ้างถึงประสิทธิภาพที่สูงกว่า
นอกจากความกังขาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนจากนี้แล้ว ยังเกิดคำถามว่าจีนต้องการอะไรเป็นสิ่งตอบเเทนอีกด้วย
ทางการจีนอธิบายถึงการสยายปีกด้านวัคซีนของตนว่า เป็นการทำสิ่งที่ดีและถูกต้อง อย่างไม่มีวาระการทูตเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่ก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า หากจีนประสบความสำเร็จในความพยายามดังกล่าว จะถือได้ว่ารัฐบาลปักกิ่งสามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์จากการเป็นประเทศตั้งต้นของการระบาดของโคโรนาไวรัส มาเป็นประเทศผู้นำด้านวัคซีนที่นำประโยชน์ไปสู่ประชากรของประเทศกำลังพัฒนา
กฤษณะ อุทยาคุมาร์ ผู้อำนวยการศูนย์ Duke Global Health Innovation Center แห่งมหาวิทยาลัยดุค ที่สหรัฐฯ กล่าวว่าจีนกำลังดำเนิน “การทูตผ่านวัคซีน” อยู่ในเวลานี้
เขากล่าวว่าบางครั้ง การให้วัคซีนในรูปแบบของการบริจาค บางครั้งเป็นการซื้อขาย บางครั้งเป็นการขายที่มาพร้อมกับการให้เงินกู้ไปพร้อมๆกัน
แต่มีนักวิเคราะห์ที่คิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการทูต โดยหวาง ฮุยเหยา ผู้บริหารศูนย์วิจัยเชิงนโยบายที่กรุงปักกิ่ง Centre for China and Globalization กล่าวว่า เขาไม่เห็นความเชื่อมโยงระหว่างการทูตและการให้ความร่วมมือวัคซีนต่อประเทศต่างๆ โดยทางการจีน
เขากล่าวว่า จีนควรยื่นมือช่วยเหลือประเทศต่างๆ มากขึ้น เพราะจีนมีความสามารถที่จะทำโครงการลักษณะนี้ได้ดี
ที่ประเทศชิลี ในตอนเเรกทางการได้รับวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ของสหรัฐฯ ในจำนวนน้อยกว่าที่ต้องการเเละเกิดความล่าช้า
ชิลี ซึ่งมีประชากร 19 ล้านคน เริ่มโครงการวัคซีนตั้งแต่เดือนธันวาคม แต่เมื่อหนึ่งเดือนผ่านไป ทางการได้รับวัคซีนเพียง 150,000 โดสจากทั้งหมด 10 ล้านโดสที่สั่งจากไฟเซอร์
เเต่ในเวลาต่อมาบริษัทจีน Sinovac Biotech ส่งวัคซีนมาให้ชิลี 4 ล้านโดส เมื่อปลายเดือนมกราคม และทางการชิลีสามารถฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้วจำนวนมาก จนกลายเป็นประเทศอันดับห้าของโลกที่สามารถฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็วที่สุด ตามการเก็บของมูลของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด
ตัวอย่างการพึ่งพาวัคซีนของจีนโดยชิลีสะท้อนภาพที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ท่ามกลางข้อจำกัดเรื่องการเข้าถึงวัคซีนจากโลกตะวันตก
สติถิของมหาวิทยาลัยดุค ชี้ว่า ประเทศรำ่รวยได้ซื้อวัคซีนไปแล้ว 5,800 ล้านโดส จากทั้งหมด 8,200 ล้านโดสทั่วโลก
สำหรับเสียงวิจารณ์ที่ว่า จีนต้องการสิ่งใดตอบแทนจากความช่วยเหลือด้านวัคซีนต้านโควิด-19
ประธานาธิบดีร็อดริโก ดูเตอร์เต้ ของฟิลิปปินส์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าจีนไม่ได้ขออะไรเป็นสิ่งตอบแทนจากวัคซีนที่บริจาคให้กับฟิลิปปินส์
ส่วนในตุรกี พรรคฝ่ายค้านกล่าวหาฝ่ายรัฐบาลว่า รัฐบาลยอมร่วมมือกับรัฐบาลปักกิ่งต่อประเด็นชาวมุสลิมอุยกูร์ที่ถูกตกเป็นเหยื่อของการถูกคุกคามในจีน เพื่อให้ตุรกีได้มาซึ่งวัคซีนต้านโคโรนาไวรัส
และที่อียิปต์ เจ้าหน้าที่รายหนึ่งที่ไม่ประสงค์จะออกนามบอกกับสำนักข่าวเอพีว่า ในเมื่อวัคซีนโดยเฉพาะจากประเทศตะวันตกยังคงตกเป็นของประเทศรำ่รวย รัฐบาลที่ต้องดูเเลประชาชนของตนก็ต้องมองถึงตัวเลือกที่มีทั้งหมด ในการให้ได้มาซึ่งเครื่องมือต่อสู้กับการกระบาดของโคโรนาไวรัส