หนึ่งในผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังข่าวอื้อฉาวทางการเมือง

ก่อนที่จะเกิดข่าวอื้อฉาว นายโป๋ ซี ไหล เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เมืองฉงชิ่งคือหนึ่งในนักการเมืองซึ่งเป็นที่รู้จักและมีอำนาจบารมีมากที่สุดคนหนึ่ง แต่ชื่อเสียงของเขาร่วงหล่นลงอย่างรวดเร็วเมื่อมีรายงานจากสำนักข่าวของทางการจีนในวันพฤหัสบดีเปิดเผยว่านายโป๋ ซี ไหล ถูกถอดออกจากตำแหน่งแล้ว โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ปฏิเสธข่าวลือที่ว่าการปลดนายโป๋ ซี ไหลครั้งนี้เป็นผลมาจากความวุ่นวายในกลุ่มผู้นำระดับสูงของจีน และยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่านายโป๋จะยังเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหาร Politburo หรือไม่

ข่าวอื้อฉาวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อผู้บัญชาการตำรวจเมืองฉงชิ่งนายหวัง หลี่จุ้น ซึ่งนายโป๋ ซี ไหลเป็นผู้เลือกขึ้นมาเองได้เดินทางไปยังสถานกงสุลสหรัฐในเมืองเฉิงตูและค้างคืนที่นั่นหนึ่งวัน แต่ทางเจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐมิได้เปิดเผยว่านายหวังเดินทางมาเพราะสาเหตุใด โดยขณะนี้นายหวังกำลังอยู่ระหว่างการถูกสอบสวนเรื่องนี้ ก่อนหน้านั้นหวัง หลี่จุ้นและโป๋ ซี ไหล ได้ร่วมมือกันปราบปรามแก๊งค์อันธพาลในเมืองฉงชิ่ง รวมถึงนักการเมืองและตำรวจที่คอยปกป้องแก๊งค์เหล่านั้น

คุณเดวิด เคลลี่ แห่งศูนย์วิเคราะห์นโยบายจีน ให้ความเห็นว่านายโป๋ ซี ไหล อยู่ในฐานะที่มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากเขามาจากครอบครัวนักการเมืองเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง นายโป๋จึงมีต้นทุนทางการเมือง นั่นหมายความว่าหากชนะก็จะประสบความสำเร็จสูง แต่ถ้าแพ้ก็จะสูญเสียทุกอย่างเช่นกัน

ทางด้านคุณสก็อต เคนเนดี้ ผอ.ศูนย์วิจัยด้านการเมืองและธุรกิจจีนที่มหาวิทยาลัยอินเดียอะน่าในสหรัฐ ชี้ว่าอนาคตทางการเมืองของนายโป๋ ซี ไหล หลังข่าวอื้อฉาวครั้งนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง และว่าการแก่งแย่งชิงอำนาจในหมู่ผู้นำจีนที่เริ่มเปิดเผยสู่สาธารณชนนั้น เป็นผลมาจากความขัดแย้งและแรงขับดันทางการเมือง

คุณสก็อต เคนเนดี้ ชี้ว่าแม้นายโป๋ ซี ไหล อาจไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเสมือนการเปิดโอกาสให้คนที่ไม่ชอบใจหรือต่อต้านเขาสามารถนำมาเป็นประเด็นสกัดกั้นดาวรุ่งทางการเมืองของจีนผู้นี้ได้ นักวิเคราะห์ผู้นี้ยังบอกด้วยว่าตัวนายโป๋เองนั้นมิได้สนับสนุนการปฏิรูปเชิงก้าวหน้า ดังนั้นการที่เขาถูกปลดจากตำแหน่งครั้งนี้จึงอาจเป็นการส่งสัญญาณว่าใครก็ตามที่อยู่ฝ่ายเสรีนิยมอาจมีโอกาสมากกว่าในทางการเมือง อย่างไรก็ตามคุณเคนเนดี้ตำหนิการตัดสินใจปลดนายโป๋ ซี ไหลว่าขาดความโปร่งใส และยิ่งทำให้ภาพพจน์ทางการเมืองของจีนดูล้าหลังยิ่งกว่าเดิม