Your browser doesn’t support HTML5
จีนเริ่มเปิดประชุมสมัชชาประชาชนแห่งชาติประจำปี 2021ในวันศุกร์ที่ 4 มีนาคม นักวิเคราะห์คาดว่าประเด็นหลักที่พรรคคอมมิวนิสต์จะพูดถึง คือ ความสำเร็จในการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 รวมถึง การร่วมอภิปรายแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14
ทั่วโลกต่างจับตามองการประชุมครั้งนี้ ท่ามกลางภาพลักษณ์แห่งความมั่นใจของรัฐบาลปักกิ่งในฐานะ ที่จีน เป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่แห่งเดียวในโลกที่มีขยายตัวของจีดีพี
ปีนี้การประชุม สมาชิกราว 3,000 ของพรรคคอมมิวนิสต์จะเข้าร่วมประชุม ผ่านทางวีดีโอออนไลน์ตามมาตราการการควบคุมโคโรนาไวรัส ซึ่งจะมีการหารือควบคู่ “สองสภา” คือ สภานิติบัญญัติและคณะที่ปรึกษาการเมือง ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อลงมติรับรองนโยบายสำคัญต่างๆ ซึ่งได้มีการตัดสินใจไปแล้วล่วงหน้า
แม้จีนจะเป็นประเทศแรกที่มีการตรวจพบเชื้อโคโรนาไวรัสและต้องรับมือกับปัญหาการควบคุมโรคดังกล่าวก่อนชาติอื่นๆ จีนก็ยังสามารถสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจได้ถึง 2.6 เปอร์เซ็นต์ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่แห่งเดียวในโลกที่ขนาดเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในยุคโควิด โดยเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ เศรษฐกิจของอเมริกาหดตัวถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ปี 2021 เป็นปีที่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 ซึ่งเป็นฉบับใหม่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ผู้นำจีนพยามปรับสมดุลของฐานเศรษฐกิจ ที่อาศัยเงินจากการลงทุนต่างๆบวกกับรายได้ที่ได้จากการส่งออก มาสู่การบริโภคภายในประเทศมากขึ้น
หลายๆคนต่างก็เฝ้ารอดูรายละเอียดของแผนพัฒนาเศรษฐกิจดังกล่าวอย่างใจจดใจจ่อ โดยนักวิเคราะห์บางคนคาดว่าจีนจะไม่มีการกำหนดเป้าหมายตัวเลขจีดีพี หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสำหรับปีนี้ ทั้งนี้ จีนเองก็ไม่มีการเผยยอดจีดีพีในปีที่ผ่านมาเช่นกัน ซึ่งจีนให้เหตุผลว่าไม่สามารถชี้แจงตัวเลขได้เนื่องจากความไม่มั่งคงทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19
ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อม จีนน่าจะมีการให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงแผนการการลดก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2060
นักวิเคราะห์: เศรษฐกิจจีนจะโตแซงหน้าอเมริกาภายใน 7 ปี
สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ พรรคคอมมิวนิสต์ยังพยามที่ให้ผู้ผลิตในประเทศพึ่งพาตนเอง โดยเฉพาะผู้ผลิตชิพหรือ semi-conductor จีนต้องการลดใช้อุปกรณ์ทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ จากอเมริกา สาเหตุหลักเกิดจากความขัดแย้งทางการค้าและกฏหมายทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างสองประเทศ
สถาบันวิจัยด้านเศษฐกิจ Centre for Economics and Business Research ของอังกฤษ รายงานว่า จีนจะมีเศษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลกในปี 2028 ซึ่งหมายความว่าจีนจะขึ้นแท่นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งแทนอเมริกาภายใน 7 ปีข้างหน้า เร็วกว่าที่การคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ถึง 5 ปี
หัวหน้าศูนย์การวิเคราะห์นโยบายของจีนที่มหาวิทยาลัย อาจู ของประเทศเกาหลีใต้ นาย คิมเฮืองกิว กล่าวว่า การรับมือการระบาดของโควิด-19 ซึ่งจีนทำได้ดีกว่าหลายๆประเทศได้สร้างความมั่นใจในให้กับพรรคคอมมิวนิสต์ ทั้งนี้จีนยังได้เฝ้าดูจุดอ่อนในต่างๆ ของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด และคิดว่าสหรัฐฯจะไม่สามารถต้านทานการการขยายอำนาจเศรษฐกิจของจีนได้ แต่ นาย คิมเฮืองกิว ทิ้งท้ายว่า เขาไม่คิดว่าจีนจะมีการประกาศนโยบายใดๆที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯในการประชุมสภาปีนี้ เพราะว่า จีนได้เปรียบจากการแข่งขันกับสหรัฐฯ ในระยะยาวมากกว่าการทำสงครามทางการค้า
การละเมิดสิทธิในด้านต่างๆ
รัฐบาลสหรัฐฯยุคโจ ไบเดน ได้เดินหน้าวิจารณ์จีนอย่างต่อเนื่อง ถึงเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีต่างๆ โดยประนามจีนถึงการจัดการชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในเขตซินเจียงซึ่งตอนนี้มีชาวอุยกูร์มากกว่าหนึ่งล้านคนอยู่ในค่ายกักกัน และ สหรัฐฯ ยังต่อว่าจีนถึงการจับคุมผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในเกาะฮ่องกงอีกด้วย
นักวิเคราะห์คาดว่าสมัชชาประชาชนแห่งชาติจะออกมาตราการใหม่เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวของผู้ประท้วงในฮ่องกง โดยเมื่อปีที่แล้วจีนได้บังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่มีความเข้มงวด ซึ่งหลายๆ ชาติมองว่ากฏหมายดังกล่าวนั้นละเมิดการปกครองตนเองของเกาะฮ่องกงและยังรุกล้ำเสรีภาพของชาวฮ่องกงอีกด้วย
สัญญาณหนึ่งที่ถูกพูดถึง มาจากหัวหน้าฝ่ายปกครองของรัฐจีนที่ดูแลกิจการของเกาะฮ่องกง นาย เซียเปาหลง เขาแสดงความคิดเห็นเมื่อเร็วๆ นี้ว่า การปฏิรูปควรจะเกิดขึ้นเพื่อให้คนรักชาติได้มาปกครองฮ่องกง