รายงานจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เตือนว่า จีนมีหัวรบนิวเคลียร์มากกว่า 400 ลูก ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเท่าตัวในระยะเวลา 2 ปี ขณะที่ กองทัพจีนเพิ่มพฤติกรรมทางทหาร “ที่ไม่ปลอดภัย” และ “ไม่เป็นมืออาชีพ” กับสหรัฐฯ และพันธมิตรในภูมิภาค โดยเฉพาะกับไต้หวัน
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยแพร่รายงาน “อำนาจทางทหารของจีน” ที่ส่งต่อสภาคองเกรส เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า จีนเร่งขยายการสั่งสมหัวรบนิวเคลียร์จนคาดว่า จีนจะมีหัวรบนิวเคลียร์ราว 1,500 ลูกภายในปี 2035 และว่า กองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีนได้ทดสอบยิงขีปนาวุธราว 135 ลูกเมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง “มากกว่าการทดสอบของประเทศอื่น ๆ ในโลกมารวมกัน”
ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีหัวรบนิวเคลียร์ราว 3,800 ลูกที่สามารถใช้งานได้ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าจีนอยู่มาก นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีเรือดำน้ำและเครื่องบินที่สามารถโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งขีปนาวุธที่สามารถยิงข้ามทวีปจากพื้นดินได้
การเผชิญหน้าที่ “ไม่ปลอดภัย” บริเวณทะเลจีนใต้
ในรายงานของเพนตากอน ระบุว่า จีนเพิ่มการเผชิญหน้า “ที่ไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพ” กับกองทัพสหรัฐฯ ชาติพันธมิตรและหุ้นส่วนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก รวมทั้งออสเตรเลียด้วย
เมื่อวันอังคาร จีนระบุว่า ได้ “ติดตามและขับไล่” เรือรบสหรัฐฯ จากน่านน้ำใกล้กับหมู่เกาะสแปรตลีย์ ในทะเลจีนใต้ ขณะที่ ทางกองทัพเรือสหรัฐฯ ยืนยันกับ วีโอเอ ว่า เรือ USS Chancellorsville ล่องผ่านเส้นทางดังกล่าว ตามแผนงานเดินทางปกติ และเรียกแถลงการณ์ของจีนในประเด็นนี้ว่า เป็น “เรื่องเท็จ” พร้อมกับระบุถึงการกล่าวอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ของจีนว่า “มากเกินไป” และ “ผิดกฎหมาย”
‘ความปกติใหม่’ กับไต้หวัน
จีนประกาศชัดเจนว่า ต้องการควบรวมไต้หวันภายในปี 2027 และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้เห็น “กิจกรรมใหม่ที่ข่มขู่และบีบบังคับอย่างยกระดับขึ้น” รอบหมู่เกาะไต้หวัน จากที่จีนมองว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนมาโดยตลอด
เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า “การล่วงล้ำข้ามผ่านช่องแคบกลายเป็นสิ่งที่เกินขึ้นเป็นประจำ ทั้งที่กิจกรรมดังกล่าวเคยเป็นสิ่งที่จีนสงวนไว้ในกรณีที่จีนต้องการส่งสัญญาณทางการเมืองมากขึ้น”
ในประเด็นนี้ รัฐมนตรีกลาโหมจีน เว่ย เฟงเหอ กล่าวในแถลงการณ์ระหว่างการพบกับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่กัมพูชาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า รัฐบาลปักกิ่งมองว่า ไต้หวัน คือ “เส้นต้องห้าม” โดยระบุว่า “ไต้หวันเป็นของจีน ไต้หวันและประเด็นที่เกี่ยวข้องถือเป็นกิจการภายในของจีน ซึ่งไม่มีอำนาจจากภายนอกที่มีสิทธิ์เข้ามาแทรกแซงได้”
รัสเซียและพิกัดอื่น ๆ
จีนเพิ่มความร่วมมือทางการทหารกับรัสเซียมากขึ้น ในปี 2021 และมีการซ้อมรบร่วมกับกองทัพรัสเซียในดินแดนของจีนเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ Zapad/Interaction
และหลังจากรัสเซียส่งกองทัพบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลปักกิ่งไม่ได้ส่งความช่วยเหลือทางการทหารให้กับรัฐบาลมอสโก แต่ได้ช่วยเหลือรัสเซียผ่านการโหมกระพือข่าวปลอมและโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียแทน
เมื่อพูดถึงสรรพกำลังทางทหารด้านอื่น ๆ ของจีน จีนมีทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่จำนวนเรือ โดยมีกองเรือและเรือดำน้ำ 340 ลำ มีทหาร 975,000 นายที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ และมีกองทัพอากาศที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีเครื่องบินรบมากกว่า 2,800 ลำ
รายงานฉบับล่าสุดของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังระบุว่า จีนเพิ่มฐานทัพในจิบูตี ในแอฟริกา รวมทั้งมีรายงานว่า พื้นที่อื่น ๆ อย่าง กัมพูชา ทาจิกิสถาน ไปจนถึงเคนยา อยู่ในการพิจารณาของรัฐบาลปักกิ่งด้วย
- ที่มา: วีโอเอ