Your browser doesn’t support HTML5
การปะทะกันระหว่างนักรบของกบฎชนเผ่าโกก้าง (Kokang) ในตอนเหนือของรัฐฉานของพม่ากับทหารพม่าในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน และเว็บไซต์ของทางการจังหวัดยูนนานของจีนรายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการเดินทางเข้าออกรัฐฉานมากกว่าสามหมื่นครั้ง
รายงานข่าวคาดว่า จำนวนผู้อพยพชาวพม่าจากรัฐฉานเข้าไปในจังหวัดยูนนานครั้งนี้ ไม่แตกต่างจากเมื่อปี ค.ศ. 2009 เมื่อกองทัพบกพม่ารุกโจมตีกบฎ Kokang
แต่ในครั้งนี้ โฆษกสตรีของกระทรวงการต่างประเทศจีน Hua Chunying กล่าวในที่ประชุมแถลงข่าวของกระทรวง เมื่อวันอังคารว่า จีนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง อาศัยความอดกลั้น และหลีกเลี่ยงการกระทำที่ทำให้สถานการณ์เลวลง เพื่อรักษาความสงบและเสถียรภาพที่ชายแดน โดยเฉพาะพยายามไม่ทำในสิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อการรักษาความมั่นคงของจีน
ขณะเดียวกัน บทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์ Global Times ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้การสนับสนุน ตั้งข้อสังเกตว่า เพราะถือกันว่าชนเผ่า Kokang เป็นคนจีน จึงมีผู้เปรียบเทียบสถานการณ์ดังกล่าวในพม่ากับใน Ukraine ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด
บทบรรณาธิการของ Global Times สรุปว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาท้าทายทางการทูตสำหรับจีน และเรียกร้อง ให้กลุ่มองค์กรต่างๆ ในสังคมจีน หลีกเลี่ยงการแทรกแซงในกิจการของพม่า
ประเด็นเรื่องชาว Kokang เป็นที่สนใจของชาวจีนในขณะนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจีนกำลังขยายอิทธิพลโดยเฉพาะทางการค้า ซึ่งมีนโยบาย Silk Road หรือ ถนนสายไหม ทั้งทางทะเลและทางบกเป็นที่ตั้ง
มีผู้แสดงความคิดเห็นออนไลน์ ตำหนิจุดยืนของกระทรวงการต่างประเทศจีนว่า ไม่ให้ความสนใจแก้ไขปัญหาใกล้ตัว ในขณะที่พยายามเร่งเร้าให้ธุรกิจจีน ขยายกิจการและสนับสนุนนโยบายการค้าของรัฐบาลในเวทีโลก
ทางฝ่ายพม่ากล่าวโทษว่า ที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เป็นเพราะผู้นำของกลุ่มกบฎชาว Kokang ซึ่งหลบภัยไปนอกประเทศ หลังการต่อสู้ในปี 2009 ได้เดินทางกลับเข้าไปในบริเวณ และเกณฑ์หาสมัครพรรคพวกได้มากกว่าหนึ่งพันคนเพื่อต่อสู้กับรัฐบาล
รัฐบาลพม่ากำลังพยายามเจรจาทำข้อตกลงหยุดยิงกับชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ ในประเทศ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในเวลาต่อไปในปีนี้