Your browser doesn’t support HTML5
ในขณะที่ผู้คนต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 บริษัทด้านเทคโนโลยีในประเทศจีน ได้ออกมาเปิดเผยว่าได้พัฒนาระบบจดจำใบหน้าให้สามารถระบุตัวบุคคลได้ แม้คนนั้นจะสวมหน้ากากอยู่ก็ตาม
สำนักข่าว Reuters รายงานจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เกี่ยวกับเครือข่ายกล้องวงจรปิดที่ถูกใช้ควบคู่กับระบบจดจำใบหน้าที่ประสบปัญหา หลังจากปลายปีที่ผ่านมาได้พบเชื้อโควิด-19 ในมณฑลหูเป่ยและเกิดการระบาด จนทำให้ประชาชนจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเวลาอยู่นอกบ้าน
ล่าสุด บริษัท Hanwang Technology หรือชื่อในตลาดต่างประเทศคือ Hanvon ได้นำเสนอเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าที่สามารถระบุตัวบุคคลได้แม่นยำแม้ประชาชนจะสวมหน้ากากอยู่ก็ตาม
โดยบริษัทนี้ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง มีพนักงาน 20 คน และได้พัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในระบบมีข้อมูลของบุคคลราว 6 ล้านคน แม้จะมีข้อมูลของประชาชนที่สวมหน้ากากเพียงเล็กน้อย แต่บริษัทก็ได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้จริงภายหลังเกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19
Your browser doesn’t support HTML5
Huang Lei รองประธานบริษัทฯ กล่าวว่า “ถ้าเชื่อมต่อกับตัววัดอุณหภูมิ ระบบจะสามารถระบุตัวบุคคล พร้อมแจ้งเตือนหากพบคนที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 38 องศาเซลเซียส”
และหากนำเทคโนโลยีนี้ติดตั้งร่วมกับกล้องวงจรปิดหลายตัว จะเพิ่มศักยภาพให้สามารถระบุรายละเอียดของประชาชนได้มากถึง 30 คนภายในหนึ่งวินาที เขาบอกด้วยว่า ถ้าบุคคลสวมหน้ากากความแม่นยำของระบบจะอยู่ที่ร้อยละ 95 และถ้าไม่สวมหน้ากากเทคโนโลยีนี้จะมีความแม่นยำสูงถึงร้อยละ 99.5
เมื่อกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของประเทศจีนนำระบบนี้ไปใช้ สามารถช่วยระบุชื่อและข้อมูลสำคัญของแต่ละบุคคล จากการเปรียบเทียบรูปถ่ายและรายละเอียดที่มีอยู่ในคลังข้อมูลของรัฐบาล และหากต้องการติดตามบุคคลรายใดเป็นพิเศษก็สามารถกระทำได้
ทางบริษัทเชื่อว่าจะเป็นการช่วยลดอาชญากรรม รวมถึงแจ้งเตือนล่วงหน้าหากมีเหตุก่อการร้าย อย่างไรก็ตามทางบริษัท Hanvon ยอมรับว่าระบบยังมีจุดอ่อนหากบุคคลสวมหน้ากากอนามัยพร้อมกับแว่นกันแดด จะทำให้การตรวจจับมีปัญหา
ปัจจุบัน บริษัทมีลูกค้ากว่า 200 ราย และตำรวจในกรุงปักกิ่งที่ใช้ระบบนี้ โดยเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ เทคโนโลยีดังกล่าวจะขยายไปยังส่วนอื่น ๆ ในประเทศจีนกว่า 20 มณฑล
ระบบนี้แม้อาจจะเพิ่มการรุกล้ำในพื้นที่ส่วนตัวมากยิ่งขึ้น แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะให้การยอมรับ
ทางบริษัทหวังว่าระบบนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ที่จะต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19