รัฐบาลปักกิ่งสั่งเพิกถอนใบอนุญาตทำงาน 3 นักข่าวจากหนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นัล ฐานวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลจีนในการรับมือกับโคโรนาไวรัส ซึ่งมองว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ
ทางวอลสตรีทเจอร์นัล ระบุว่า ผู้สื่อข่าวทั้ง 3 ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตทำงาน ได้แก่ นายจอช ชิน ผู้ช่วยบรรณาธิการ ผู้สื่อข่าว เชา เติ้ง ซึ่งเป็นชาวอเมริกันทั้งคู่ และผู้สื่อข่าวฟิลิป เหวิน ชาวออสเตรเลีย ซึ่งทั้ง 3 คนต้องเดินทางออกจากประเทศจีนภายใน 5 วันนี้
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เกิง ชวง กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันพุธว่า ทางหนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นัลปฏิเสธที่จะออกมาขอโทษในกรณีพาดหัวบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ระบุว่า “จีนเป็นคนป่วยของเอเชีย” โดยข้อความที่ว่า “คนป่วยของเอเชีย” ใช้เรียกชาวจีนในเชิงลบว่าเป็นคนที่สกปรกและมีเชื้อโรค และยังวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของจีนในการรับมือกับการระบาดของโคโรนาไวรัส หรือชื่อทางการคือโควิด-19 ที่คร่าชีวิตกว่า 2,000 คน และติดเชื้อกว่า 75,000 คน หลังพบการระบาดเมื่อ 2 เดือนก่อน
นายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของจีนว่า ประเทศที่เจริญและมีความรับผิดชอบ จะเข้าใจว่าการนำเสนอข่าวสารอย่างเสรีบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการรับมือที่ถูกต้องคือการนำเสนอข่าวหรือข้อเท็จจริงมาตอบโต้ ไม่ใช่การจำกัดการนำเสนอของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
ด้านนายวิลเลียม ลูอิส ผู้บริหารวอลสตรีทเจอร์นัล ออกแถลงการณ์ในวันพุธด้วยว่า บทความบรรณาธิการเป็นสิ่งที่เป็นอิสระจากห้องข่าวของวอลสตรีทเจอร์นัลอย่างชัดเจน และรู้สึกเสียใจที่บทความดังกล่าวได้ทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจกับชาวจีน แต่รู้สึกผิดหวังกับการขับไล่สื่อมวลชนออกจากประเทศจีน เพื่อตอบโต้บทความของหนังสือพิมพ์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนว่าจีนยังต้องการการนำเสนอข่าวสารที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถืออย่างมาก
ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าววอลสตรีทเจอร์นัล ชุน ฮัน หว่อง ถูกไล่ออกเมื่อปีที่แล้ว หลังจากเขียนบทความเกี่ยวกับญาติของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
การขับไล่สื่อมวลชนสหรัฐฯ มีขึ้นพียง 1 วัน หลังจากคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้กฎระเบียบใหม่ เพื่อควบคุมการทำงานของสื่อจีน 5 แห่งในประเทศ โดยบังคับให้พนักงานของสื่อรัฐหลัก 5 แห่งของจีนที่อยู่ในสหรัฐฯ ต้องลงทะเบียนตัวตนและทรัพย์สินในอเมริกาไว้กับรัฐบาลสหรัฐ เช่นเดียวกับที่พนักงานและเจ้าหน้าที่สถานทูตต่างประเทศต้องทำ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจีนพยายามใช้สื่อของตนเพื่อดำเนินแผนโฆษณาชวนเชื่อ และมองว่าประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ใช้งานสื่อรัฐในเชิงรุกมากขึ้น ทั้งในแง่ของเนื้อหาและการทำงานของกองบรรณาธิการ