จีนเผชิญปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนที่กว้างมากขึ้น

  • Shannon Sant
    Thaksina Khaikaew
เศรษฐกิจจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยมากขึ้นเรื่อยๆ สร้างความกังวลแก่ทางการจีนที่กำลังมองหามาตราการลดช่องว่างทางเศรษฐกิจนี้

ในกรุงปักกิ่ง มีแหล่งชุมชนแออัดหลายแห่งแทรกตัวอยู่ระหว่างตึกสูงระฟ้าและห้างสรรพสินค้า่ต่างๆ ไม่ไกลจากกับสำนักงานขายรถยนตร์ยี่ห้อเบ้นท์เล่ มีกระท่อมราวสิบกว่าหลังตั้งอยู่ สร้างด้วยเศษแผ่นอลูมิเนียมและวัสดุอื่นๆ หนึ่งในนั้นเป็นร้านขายขนมขบเคี้ยวกับเครื่องดื่มของคุณยายอายุ 78 ปี ชื่อ ลี หยู่หลาน

คุณยายลี หยู่หลาน บอกกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า คนรวยก็รวยเกินไป คนจนก็จนเหลือเกิน ในครอบครัวของคุณยาย มีสมาชิกแปดคน แต่มีแค่สองคนเท่านั้นที่มีรายได้ ครอบครัวต้องพึ่งกำไรจากร้านเพื่อความอยู่รอด

คุณยายลี หยู่หลาน กังวลมากถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น แม้ว่ากำไรจากร้านขายของจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่กลับไม่พอใช้

ปัญหาเงินเฟ้อเป็นของคู่กับสภาวะเศรษฐกิจที่โตอย่างรวดเร็วกับค่าเงินที่แข็งค่า ตัวเลขล่าสุดแสดงว่าทางการจีนสามารถควบคุมค่าครองชีพให้เพิ่มขึ้นในอัตราต่ำลงได้สำเร็จ

อัตราเงินเฟ้อจีนเมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.2 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าเมื่อเดือนมิถุนายนสองปีที่แล้วเพียงเล็กน้อย

นายกรัฐมนตรีจีน เหวิน เจียเป่า กล่าวว่า ทางการจีนวางแผนชลอการเติบโตทางเศรษฐกิจลงเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยต้องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ที่ต่ำกว่าสี่เปอร์เซ็นต์ นายกรัฐมนตรีจีนบอกว่าทางการกำลังมองหามาตราการควบคุมราคาที่อยู่อาศัยไม่ให้สูงขึ้นด้วย

ที่ห้างสรรพสินค้าหรู ชิน คอง เพลส ในกรุงปักกิ่ง ชาวจีนกระเป๋าหนาพากันจับจ่ายซื้อสินค้ายี่ห้อดังอย่าง ชันเนล กุชชี่ พวกเขาไม่สนใจว่าสินค้าที่ซื้อมีราคาสูงลิบลิ่วหรือว่าประเทศกำลังเจอกับปัญหาเงินเฟ้อ

เชีย เชีย อายุ 26 ปี เป็นหนึ่งในนักช็อปทั้งหลายที่ห้างสรรพสินค้าหรูในกรุงปักกิ่งแห่งนี้เธอบอกว่าเธอไม่ได้มาจากแวดวงการเมืองและไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ

ส่วนคุณหวาง อายุ 33 ปี ทำงานด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเป็นนักช็อปอีกคนหนึ่งกล่าวว่า จีนมีประชากรถึงหนึ่งพันสามร้อยล้านคน จึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างคนรวยกับคนจน เขาบอกว่า รัฐบาลจีนควรเน้นการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชนชั้นกลางกับชนขั้นล่างให้ดีขึ้น แทนที่จะไปพะวงกับเรื่องช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย

ย้อนกลับไปที่สลัมในกรุงปักกิ่ง คุณยายลี หยู่หลาน ยอมรับต่อโชคชะตาทางเศรษฐกิจของตนเองและเห็นว่าการแบ่งแยกชนชั้นทางเศรษฐกิจในจีนมีมาหลายชั่วอายุคนแล้ว และ จะยังเป็นอย่างนี้ต่อไป

คุณยายหยู่หลาน บอกว่า คนรวยจะรวยต่อไป ส่วนคนจนก็ยังจะจนต่อไป ลูกหลานของข้าราชการก็จะสืบทอดอาชีพราชการต่อไป ในขณะที่ลูกหลานคนจนในสลัมก็จะยังมีชีวิตเช่นเดียวกับรุ่นพ่อแม่และบรรพบุรุษ

ขณะนี้สลัมที่คุณยายคนนี้กับและครอบครัวอาศัยอยู่กำลังเป็นที่หมายตาของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่พยายามหาทางขับไล่ชาวสลัมออกจากชุมชน แต่คุณยายหยู่หลานกับเพื่อนบ้านคนอื่นๆยังปักหลักสู้ต่อไปและไม่ยอมย้ายไปไหน ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกันคือพวกเขาไม่มีเงินพอไปซื้อบ้านหลังใหม่