วงการบันเทิงจีน “โคลนสุนัข” สานต่อความดังเจ้าตูบซุเปอร์สตาร์

Your browser doesn’t support HTML5

วงการบันเทิงจีน “โคลนสุนัข” สานต่อความดังเจ้าตูบซุเปอร์สตาร์

Your browser doesn’t support HTML5

China Dog Cloning

คนที่ติดตามภาพยนตร์และละครทีวีมานานคงอาจจะได้เห็นความน่ารักของสุนัขในหนังเเละซีรีย์อเมริกันหลายตัว อย่างเช่น Beethoven พันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด และ Lassie สุนัขคอลลี่แสนรู้

ที่ประเทศจีน ขวัญใจแฟนรายการบันเทิงจำนวนมากชื่นชอบบทบาทของสุนัขพันธุ์ทางที่ชื่อ Juice ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการจอแก้วและจอเงินของจีน จนปัจจุบันอายุ 9 ขวบแล้ว

ความดังของ Juice ทำให้สุนัขตัวนี้ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับทรัพย์สินทางปัญญา ความคิดนี้เปิดทางให้เกิดการโคลนเจ้า Juice เพื่อที่จะได้มีผู้สืบทอดความดังที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการ

นักวิทยาศาสตร์จากบริษัทจีน Sinogene สามารถลอกเเบบพันธุกรรมของ Juice สำเร็จ และนำมาซึ่งลูกหมาที่เป็นโคลนของ Juice ลูกสุนัขตัวนี้ลืมตาดูโลกเมื่อเดือนกันยายนนี้เอง

นอกจากจะเป็นผู้รับไม้ต่อจาก Juice ในงานแสดงแล้ว ลูกสุนัขตัวนี้ถือเป็นตัวอย่างล่าสุดของความเฟื่องฟูในงานด้านตัดต่อพันธุกรรมของประเทศจีน

มัย จั้ยตง (Mi Jidong) ซีอีโอของบริษัท Sinogene กล่าวว่า อนาคตทางธุรกิจของเทคโนโลยี cloning สดใสมาก เพราะเจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องการให้พวกมันมีชีวิตยืนยาวต่อไป

ปัจจุบันรัฐบาลจีนทุ่มงบประมาณหลายล้านดอลลาร์ในกิจการเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งมีความก้าวล้ำระดับผู้นำโลก

อาจารย์ Tin-Lap Lee จากมหาวิทยาลัย Chinese University of Hong Kong กล่าวว่า ธุรกิจนี้ในจีนได้รับการสนับสนุนอย่างมาก เพราะช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ของประเทศด้านความทันสมัย และเป็นอุตสาหกรรมที่ได้กำไรดี

แม้การโคลนสุนัขเพื่อรับช่วงงานเเสดงต่อไม่ให้ขาดตอนจะไม่ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนวงการวิทยาศาสตร์ แต่การเดินหน้าไปในจุดที่เกิดการสร้างหน่วยพันธุกรรมเลียนแบบมนุษย์เคยทำให้จีนถูกวิจารณ์มาแล้ว

เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน นักวิทยาศาสตร์จีนไม่ทำตามระเบียบปฏิบัติของนานาชาติ และอ้างว่าสามารถสร้างทารกที่โคลนจากหน่วยพันธุกรรมของมนุษย์

เดวิด ลิว แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า ตัวอย่างที่เห็นจากการโคลนทารกในจีนเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก

สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของลูกสุนัขจากการโคลน ราคาที่ประเทศจีนขณะนี้อยู่ที่ 55,000 ดอลลาร์ หรือ เกือบ 2 ล้านบาทไทย

(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของ Kevin Enochs)