Your browser doesn’t support HTML5
ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประเทศจีนตัดสินใจระงับการใช้งานแอปพลิเคชั่น “คลับเฮ้าส์” เนื่องจากเกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมและเฝ้าติดตามการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบอบการปกครองของประเทศที่มีรัฐบาลมาจากพรรคคอมมิวนิสต์
แอปฯ คลับเฮ้าส์ อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถแสดงความคิดเห็นที่มีอิสระผ่านบทสนทนาข้อความเสียง โดยสามารถถกเถียงกันในหัวข้อต่าง ๆ คนที่อยู่ห้องสนทนาอาจเลือกที่จะนั่งฟังหรือว่าแสดงความเห็นในเวลาที่จำกัดได้
ผู้ใช้งานแอปฯคลับเฮ้าส์ สามารถเปิดห้องสนทนาภายใต้ประเด็นต่าง ๆที่ตนสนใจ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวและต้องห้ามของสังคม ยกตัวอย่างเช่น ประเด็นค่ายกักกันชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียง การเคลื่อนไหวของผู้ประท้วงในฮ่องกง รวมถึงเหตุการณ์การที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี พ.ศ.2532
ฝ่ายผู้มีอำนาจของจีนเล็งเห็นว่า สิ่งนี้คือภัยคุกคามและอาจจะเป็นสิ่งที่ยากต่อการควบคุม ขณะที่กลุ่ม Stanford Internet Observatory ระบุว่าข้อความเสียงนั้นเป็นเรื่องยากต่อการเฝ้าติดตามของฝ่ายเจ้าหน้าที่ และที่สำคัญจะไม่มีหลักฐานเป็นตัวอักษรทิ้งไว้เหมือนข้อความที่โพสต์ตามสื่อสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์
จูน เดรเยอร์ อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย University of Miami แสดงความเห็นด้วยว่า ข้อความเสียงควบคุมยากกว่าข้อความแบบตัวอักษร นอกจากนี้เดรเยอร์มองว่า ภาครัฐของจีนไม่ควรที่จะระงับการใช้งานแอปฯ คลับเฮ้าส์ เนื่องจากจะสร้างความขุ่นเคือง และสุดท้ายประชาชนจะหาช่องทางระบายความอัดอั้นดังกล่าว
เดรเยอร์อธิบายว่า “แม้รัฐจะสามารถระงับ กดทับ หรือยับยั้ง แต่ประชาชนจะสามารถหาวิธีแสดงออกได้ในที่สุด”
หลายฝ่ายมองว่า การที่จีนระงับการใช้งานแอปฯ คลับเฮ้าส์ เป็นนัยว่าภาครัฐรู้สึกถูกคุกคามจากอิสรภาพของบทสนทนาที่เกิดขึ้นในแอปฯ นี้ อีกทั้งยังเป็นการเน้นย้ำช่องว่างระหว่างภาครัฐที่ต้องการควบคุมข่าวสารและความคิดเห็น ในขณะที่ภาคประชาชนเพิ่มความซับซ้อนที่จะหลีกหนีการจำกัดดังกล่าวบนโลกออนไลน์
ปกติแล้วการใช้งานแอปฯ คลับเฮ้าส์ จะมีเงื่อนไขเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นการที่ต้องได้รับการเชิญเข้ากลุ่ม หรือโทรศัพท์ที่ใช้งานต้องเป็นระบบปฏิบัติการ iOS ดังนั้น การเข้าถึงแอปฯ คลับเฮ้าส์ในประเทศจีนจึงมีเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆที่ใช้โทรศัพท์ไอโฟนที่ลงทะเบียนจากต่างประเทศ
ยู พิง อดีตผู้อำนวยการประเทศจีน ของเครือข่ายด้านกฏหมาย American Bar Association’s Rule of Law Initiative บอกกับสำนักข่าววีโอเอว่า “คนที่เข้าถึงแอปฯคลับเฮ้าส์ในประทศจีนได้ เป็นกลุ่มคนจำนวนไม่มาก แต่ประชาชนเหล่านี้คือกลุ่มปัญญาชน โดยผู้มีอำนาจมองว่าจำเป็นต้องควบคุมให้มากเป็นพิเศษ”
พิง ยังกล่าวอีกว่า ทุกรัฐบาลที่มีรูปแบบการปกครองเฉกเช่นประเทศจีน จำเป็นต้องการควบคุมข่าวสารและความคิดเห็นของประชาชน โดยหากกระบวนการควบคุมข้อมูลไม่ถูกดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ อาจนำมาซึ่งความสั่นคลอนของระบอบการปกครอง
นอกจากนี้ กลุ่ม Stanford Internet Observatory ยังแสดงความเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งานแอปฯ คลับเฮ้าส์ เนื่องจากจากการตรวจสอบของกลุ่มพบว่า ข้อมูลผู้ใช้งานบางส่วนและไฟล์เสียงถูกจัดเก็บไว้ในเซิฟเวอร์ที่ประเทศจีน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่ทางการของจีนจะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้
ทางด้านตัวแทนของแอปฯ คลับเฮ้าส์ ออกมาชี้แจงในประเด็นดังกล่าวว่า อยู่ระหว่างการปรับปรุง และพร้อมที่จะปกป้องข้อมูล รวมถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอย่างเต็มที่