การสู้รบระหว่างกองกำลังรัฐบาลทหารกับฝ่ายต่อต้านในเมียนมายังคงดำเนินต่อไปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งการโจมตีด้วยจรวดในเมืองตอนกลางของประเทศ และการต่อสู้ในเมืองสำคัญบริเวณชายแดนไทย ซึ่งโฆษกกองกำลังกะเหรี่ยงอ้างว่าสามารถต้านทานการรุกคืบของทหารเมียนมาไว้ได้
เอเอฟพีรายงานว่า ในวันจันทร์ โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาประณามการโจมตีของกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ในคืนวันอาทิตย์ ที่มีเป้าหมายคือเมืองพินอูลวิน ในตอนกลางของประเทศ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาบันผลิตนายทหารกลาโหม (Defense Service Academy)
ฝ่ายรัฐบาลทหารอ้างว่า PDF ยิงจรวดแบบไม่เลือกเป้าหมายจำนวน 11 ลูก สร้างความเสียหายให้ศาสนสถาน โรงแรมและโรงพยาบาล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน รวมถึงพระสงฆ์ 2 รูป และมีนักเรียนนายร้อย 3 นายได้รับบาดเจ็บ
โฆษกของ PDF กล่าวว่านักรบของตนได้ทำการโจมตีเมืองพินอูลวินจริง โดยมีเป้าหมายที่โรงเรียนนายทหารเท่านั้น
และในวันอาทิตย์ ซอว์ ตอว์ นี โฆษกกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) หนึ่งในกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่เข้ายึดครองเมียวดี กล่าวกับรอยเตอร์ว่าพวกตนได้โจมตีและผลักดันกองทัพเมียนมาที่รุกคืบเข้ามา ห่างจากเมืองเมียวดี 40 กม.
โฆษกรัฐบาลทหารไม่ได้ตอบรับคำขอความเห็นของรอยเตอร์เพื่อยืนยันข้อมูลดังกล่าว
ซอว์ ตอว์ นี กล่าวว่าการสู้รบเกิดขึ้นในวันศุกร์ระหว่างหมู่บ้านกอกะเร็ก และหมู่บ้านกอ-นเว็ท ที่ตั้งอยู่บนถนนหลวงเอเชียสายที่ 1 ซึ่งเชื่อมต่อไปยังชายแดนตะวันตกของประเทศไทย โดยยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตของฝั่งรัฐบาลทหารอยู่ที่ประมาณ 100 นาย
เมียนมาตกอยู่ในสภาวะสงครามกลางเมืองนับตั้งแต่ทหารเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ตามมาด้วยการต่อต้านอย่างหนักจากประชาชนและกองกำลังชาติพันธุ์ ที่ในเวลาต่อมามีการร่วมมือกันโจมตีพื้นที่ที่รัฐบาาลกลางยึดครองได้หลายแห่ง
โฆษกของ KNU กล่าวว่าฝ่ายต่อต้านเองก็ยังมีความท้าทายในการร่วมมือกันเพื่อโค่นล้มรัฐบาลทหาร อย่างไรก็ตาม ปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องรับมือในตอนนี้คือประชาชนที่ผลัดถิ่นจากสงคราม ที่กระจัดกระจายในพื้นที่จำนวนมากกว่าหนึ่งล้านคน โดยขอให้ไทยและประชาคมระหว่างประเทศให้การสนับสนุนในประเด็นนี้
ซอว์ ตอว์ นี ยังเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาคืนอำนาจให้กับประชาชน โดยระบุว่า “ถึงเวลาแล้ว และเป็นโอกาสที่ดีที่จะฟังเสียงของประชาชนเป็นลำดับแรก”
- ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์