โควิดกลายพันธุ์เดลตาขึ้นแท่นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ ยอดติด 83%: ซีดีซี

People go massless on the Atlanta Beltline on Friday, May 14, 2021, after the CDC updated their mask guidelines for vaccinated people. (AP Photo/Ben Gray)

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ยืนยันผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์เดลตา คิดเป็นสัดส่วนถึง 83% ของผู้ป่วยโควิดในสหรัฐฯ ขึ้นแท่นสายพันธุ์หลักที่ระบาดหนักในอเมริกา ตามรายงานของเอพีและรอยเตอร์

แพทย์หญิง โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) เปิดเผยในวันอังคารว่า ผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์เดลตา คิดเป็นสัดส่วนถึง 83% ของผู้ป่วยโควิดในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นจากระดับ 50% เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนวันชาติสหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ อยู่ที่เฉลี่ย 239 รายต่อวันในช่วงสัปดาห์ก่อน ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นราว 48% จากสัปดาห์ก่อนหน้า

พญ.วาเลนสกี กล่าวว่า หนทางที่ดีที่สุดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดกลายพันธุ์ คือ การป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดโดยรวม และการเข้ารับวัคซีน "เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดที่เรามี"

ขณะที่นพ.แอนโธนี เฟาชี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ เพิ่มเติมด้วยว่า ทาง CDC อยู่ระหว่างการรวบรวมและศึกษาข้อมูลของผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มต่างๆ เพื่อประเมินกรอบระยะเวลาที่วัคซีนจะมีประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันจากโควิด เพื่อใช้ในการพิจารณาการจัดสรรวัคซีนบูสเตอร์เพิ่มเติมต่อไป

เจเน็ต วู้ดค็อก (Janet Woodcock) รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA ระบุในวันอังคารด้วยว่า รัฐต่างๆ ในอเมริกาควรตรวจสอบและบริหารจัดการปริมาณวัคซีนที่ได้รับจัดสรรไปในแต่ละรัฐ เนื่องจากวัคซีนมีอายุการใช้งานจำกัด และตอนนี้มีวัคซีนโควิดที่ไม่ได้เปิดใช้ในอเมริกาจำนวนมากที่ใกล้จะหมดอายุแล้ว

ตอนนี้สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อสะสม 34.1 ล้านราย เสียชีวิตสะสม 609,000 ราย ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ ณ บ่ายวันอังคาร

ทั้งนี้ โควิดกลายพันธุ์เดลตา พบครั้งแรกในอินเดียเมื่อต้นปีนี้ กลายเป็นสายพันธุ์หลักในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงสหรัฐฯ จากความสามารถในการแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ และพบการระบาดในอีกกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ตามรายงานของรอยเตอร์

(ที่มา: AP และ Reuters)