แบรนด์สินค้าหรูเปิดตัวไอโฟน 15 รุ่นออกแบบภายนอกเอง ประดับประดาด้วยทองคำขาวและเพชรระยิบระยับ บริษัทระบุเป็นไอโฟนที่แพงที่สุดในโลก
ใครที่คิดว่าไอโฟน 15 และเคสไทเทเนียมใหม่นั้นหรูหราแล้ว ต้องดูสิ่งที่บริษัท Caviar เพิ่งนำเสนอออกมาสด ๆ ร้อน ๆ หลังการเปิดตัวของสมาร์ทโฟนชื่อดังไม่นานเสียก่อน
Caviar ที่มีชื่อเสียงในการนำอุปกรณ์ต่าง ๆ มาดัดแปลงให้ดูสุดพรีเมี่ยม เพิ่งเปิดตัวผลงานของบริษัท ที่ยกระดับความหรูของไอโฟน 15 Pro และไอโฟน 15 Pro Max
บริษัทเรียกผลงานประดิษฐ์ประดอยนี้ว่า “Diamond Snowflake” หรือ “เกล็ดหิมะเพชร”
Diamond Snowflake คือการนำไอโฟน 15 มาออกแบบกรอบด้านนอกใหม่ โดยใช้กรอบสีเงินที่ทำขึ้นด้วยทองคำขาว 18K รอบตัวเครื่องประดับด้วยเพชรอีก 570 เม็ด ที่แกะออกมาจากสร้อยเพชรที่ทำโดย Graff บริษัทเครื่องเพชรอันดับต้น ๆ ของโลก
การประดับประดาถูกทำให้สวยงามด้วยลวดลายโค้งเว้า ที่ล้อมรอบเกล็ดหิมะที่อยู่ตรงศูนย์กลาง ซึ่งทำด้วยเม็ดเพชร แพลทินัม และทองคำขาว
Caviar อธิบายผลิตภัณฑ์ของตนว่า “ความเจิดจรัสของฤดูหนาวยะเยือกทั้งหมด ถูกขับเน้นออกมาในไอโฟนที่แพงที่สุดในโลก”
ข้อมูลจากเว็บไซต์บริษัทระบุว่า Diamond Snowflake ของไอโฟน 15 Pro สนนราคาอยู่ที่ 562,410 - 563,410 ดอลลาร์ (ราว 20 ล้านบาท) ส่วนรุ่นไอโฟน 15 Pro Max มีราคาอยู่ที่ 563,200 - 563,910 ดอลลาร์ (ราว 20 ล้านบาท)
เมื่อปี 2022 Caviar เคยผลิตไอโฟน 14 Pro Max เวอร์ชันหรูหราในลักษณะนี้มาแล้ว โดยมีราคาอยู่ที่ 533,000 ดอลลาร์ (ราว 19 ล้านบาท) โดยใช้ชื่อ Diamond Snowflake เหมือนกัน ใช้เพชร 511 เม็ดจากห้องเพชร Graff เช่นเดียวกัน
หลังไอโฟน 15 เปิดตัวได้หนึ่งวัน Rocket Media Lab แหล่งข้อมูลสาธารณะสัญชาติไทย ได้ทำงานเชิงข้อมูลเพื่อหาว่า คนในแต่ละประเทศต้องทำงานกี่วันถึงจะถอยไอโฟน 15 ได้หนึ่งเครื่อง โดยคำนวณจากฐานข้อมูลค่าแรงขั้นต่ำ และพบว่าคนไทยที่มีค่าแรงขั้นต่ำในปี 2022 อยู่ที่ 328 บาท จะต้องทำงาน 694.78 ชั่วโมง จึงจะได้ไอโฟน 15 รุ่นราคาต่ำสุดที่ 799 ดอลลาร์ (ราว 28,600 บาท ไม่รวมภาษี)
แต่สำหรับการให้ได้มาซึ่ง Diamond Snowflake ด้วยค่าแรงขั้นต่ำข้างต้น คนไทยต้องทำงานถึง 491,011 ชั่วโมง เพื่อเป็นเจ้าของรุ่นที่ถูกที่สุด
หากทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ทุกวัน ก็เท่ากับต้องทำงาน 61,376 วัน หรือ 168 ปี
- ที่มา: Caviar, Rocket Media Lab