เผยความเดือดร้อนของนักเดินทาง จากกฎหมายต้านการฟอกเงินของสหรัฐฯ

A security guard walks past a montage of old U.S. dollar bills outside a currency exchange bureau ahead of a scheduled State visit by the U.S. President Barack Obama in Kenya's capital Nairobi, July 23, 2015.

Your browser doesn’t support HTML5

CBP Cash Seizures

กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของสหรัฐฯ ภายใต้กฏหมายแม่แบบ Bank Secrecy Act บังคับว่า ผู้เดินทางที่จะเดินทางเข้าและออกสหรัฐฯ ที่ถือเงินสดติดตัวมากกว่า 10,000 ดอลลาร์ ต้องกรอกเอกสารเปิดเผยจำนวนเงินเเก่เจ้าหน้าที่ศุลกากรที่สนามบิน หรือที่ด่านเข้าออกชายเเดน

ผู้เดินทางที่เเจ้งจำนวนเงินไม่ถูกต้อง อาจถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรสหรัฐฯยึดเงินโดยไม่มีการเเจ้งข้อหาเอาผิดกับเจ้าของเงิน

เจ้าหน้าที่ศุลกากรเเละป้องกันพรหมแดนสหรัฐฯหรือ CBP มองว่า กฏหมายนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเเละการนำเงินไปสนับสนุนกิจกรรมการก่อการร้าย

เเต่ผู้ไม่เห็นด้วยชี้ว่า CBP ไม่เเจ้งผู้เดินทางถึงข้อบังคับเรื่องการรายงานจำนวนเงินที่ถือติดตัวขณะเดินทางเข้าออกชายแดนสหรัฐฯ เเละการยึดเงินผู้เดินทาง ถือว่าละเมิดต่อกฏหมายรัฐธรรมนูญ

Darpana Sheth ทนายความเเห่งสถาบันเพื่อความยุติธรรม ซึ่งเป็นบริษัททนายความในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า รัฐบาลเหมารวมว่าใครก็ตามที่ถือเงินสดจำนวนมากระหว่างเดินทางต่างเป็นอาชญากร เเละทำการยึดเงินทันทีก่อนจะปล่อยตัวเจ้าของเงินไป เเละยังละเมิดต่อกฏระเบียบเเละกฏหมายรัฐบาลกลางที่บังคับให้ทาง CBP คืนเงินหรือไปขึ้นศาลเพื่อยืนยันความชอบธรรมในการยึดเงิน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทางสถาบันได้ฟ้องร้องเอาความกับ CBP เพื่อให้คืนเงินที่ยึดไปจากนักเดินทางต่างชาติ เเละวิจารณ์นโยบายของหน่วยงานรัฐบาลกลางเเห่งนี้

กรณีหนึ่งเมื่อสองปีที่แล้ว ทาง CBP ได้ยึดเงินมากกว่า 58,000 ดอลล่าร์จากผู้อพยพย้ายถิ่นชาวอัลเบเนียสามีภรรยาคู่หนึ่งที่สนามบินนานาชาติ Cleveland's Hopkins เเละวางแผนที่จะเก็บเงินเอาไว้ภายใต้กฏหมายยึดทรัพย์ ที่อนุญาตให้หน่วยงานกฏหมายของรัฐบาลยึดทรัพย์ประชาชนได้โดยไม่ต้องตั้งข้อหา

แต่สามีภรรยาชาวอัลเบเนียคู่นั้นได้เก็บเงินเพื่อนำไปสร้างบ้านหนึ่งหลังที่ประเทศบ้านเกิด

และอีกกรณีหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว นางพยาบาลชาวอเมริกันเชื้อสายไนจีเรียจากรัฐเท็กซัส ถูกยึดเงินสดไปจำนวน 40,000 ดอลลาร์ ที่สนามบิน George Bush Intercontinental Airport ในเมืองฮูสตัน โดยเธอตั้งใจนำเงินสดดังกล่าวไปสร้างคลินิกรักษาพยาบาลผู้หญิงเเละเด็กในไนจีเรีย

ในทั้งสองกรณี CBP ยอมคืนเงินเเก่เจ้าของหลังจากถูกสถาบันเพื่อความยุติธรรมฟ้องร้อง

คำฟ้องร้องในนามของนางพยาบาลอเมริกันเชื้อสายไนจีเรีย แย้งว่า นโยบายของ CBP ระบุว่า นักเดินทางต้องตกลงว่าจะไม่ฟ้องร้องเอาความกับทางหน่วยงานก่อนที่จะได้เงินคืน

ทนายความ Sheth กล่าวว่า ใครก็ตามไม่ควรต้องละทิ้งสิทธิตามกฏหมายรัฐธรรมนูญในการได้คืนสินทรัพย์ซึ่งตนเองเป็นเจ้าของที่ชอบธรรมตามกฏหมาย

ทางสถาบันชี้ว่า ขณะที่ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังสหรัฐฯได้รับเอกสารของศุลกากรเพื่อเเสดงทรัพย์สินที่นำติดตัวมาด้วย เเต่ไม่มีขั้นตอนเดียวกันนี้ใช้กับผู้เดินทางออกจากสหรัฐฯ

ทนายความบอกว่า คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินข้อบังคับนี้มาก่อน เพราะรัฐบาลไม่ประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ เเต่ทาง CBP ปฏิเสธที่จะเเสดงความคิดเห็นต่อคำฟ้องนี้ โดยอ้างว่าการดำเนินคดีกำลังจะเริ่มขึ้น

Jason Wapiennik ทนายความอเมริกันที่รัฐมิชิเเกน กล่าวว่า มีการยึดเงินนักเดินทางที่เกือบทุกสนามบินเเละจุดผ่านเเดนทั่วสหรัฐฯ เป็นประจำทุกวัน เเละยึดได้จำนวนมหาศาล โดยต่อวันเเล้ว CBP ยึดเงินได้เกือบ 300,000 ดอลลาร์ที่เจ้าของไม่ได้เเจ้ง

เมื่อปีที่เเล้ว ทางหน่วยงานได้ยึดเงินจากนักเดินทางที่สนามบินได้เกือบ 65 ล้านดอลลาร์ และเป็นเงินสดทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่เเค่การไม่รายงานเงินสดที่ถือติดตัวเท่านั้นที่อาจทำให้ถูกยึดเงิน การรายงานจำนวนเงินไม่ถูกต้องก็ทำให้ถูกยึดเงินเช่นกัน

(เรียบเรียงโดย ทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)