Your browser doesn’t support HTML5
ที่ประเทศไอซ์แลนด์ มีใบพัดลมโลหะขนาดใหญ่หลายใบที่หมุนรอบตัวเพื่อดึงก๊าซคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศ โดยใบพัดโลหะและเครื่องจักรอื่นๆ ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศไปกักเก็บไว้ที่ใต้ดิน เทคโนโลยีนี้เรียกว่า "direct air capture" หรือการดักจับจากอากาศโดยตรง ซึ่งเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วยังเป็นเรื่องที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ แต่ในปัจจุบันนี้เชื่อกันว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
Orca ศูนย์ดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในประเทศไอซ์แลนด์ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ สามารถสกัดคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศได้ประมาณปีละ 4,000 ตัน แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่โลกต้องการแล้ว ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า จำนวนดังกล่าวยังน้อยไป
นักวิทยาศาสตร์บางคนกล่าวว่า จำเป็นต้องกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ปีละ 10,000 ล้านตันภายในปี 2050 และข้อมูลจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศของสหประชาชาติระบุว่า โรงงานดักจับอากาศโดยตรงทั่วโลกขณะนี้สามารถดึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากอากาศได้ประมาณปีละ 8,160 ตันเท่านั้น
Julio Friedmann นักวิจัยที่ศูนย์นโยบาย Center on Global Energy Policy ที่มหาวิทยาลัย Columbia University ในนครนิวยอร์กกล่าวว่า ภายในระยะเวลา 30 ปีข้างหน้าโลกของเราจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญที่มากกว่าอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊สเป็นสองเท่าตัวและทำงานในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับอุตสาหกรรมเหล่านั้น คือ จะต้องนำบางสิ่งฝังลงใต้โลกแทนที่จะขุดขึ้นมา
หน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์หลายๆ หน่วยงานกล่าวว่าแม้ว่าการผลิตก๊าซคาร์บอนจะหยุดลง แต่ก็ยังไม่พอต่อการหลีกเลี่ยงปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้กล่าวว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากจะต้องถูกกำจัดออกจากอากาศและนำไปเก็บกักไว้ใต้ดิน
Friedmann กล่าวอีกว่า โลกของเราล้มเหลวในเรื่องของสภาพภูมิอากาศไปแล้วถึงขนาดที่ว่าการดักจับก๊าซคาร์บอนจากอากาศโดยตรงเป็นหนึ่งในหลายๆ วิธีที่จะต้องทำ
ในปัจจุบันมีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่ทำโรงงานดักจับก๊าซคาร์บอนโดยตรงขนาดใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Climeworks เจ้าของโรงงาน Orca ในไอซ์แลนด์ ส่วนอีกบริษัทหนึ่งคือ Carbon Engineering ผู้สร้างโรงงานดักจับก๊าซคาร์บอนโดยตรงในบริติชโคลัมเบียของประเทศแคนาดา และทั้งสองบริษัทนี้มีเป้าหมายจะขยายขีดความสามารถเพิ่มขึ้นด้วย
ที่โรงงาน Orca ของบริษัท Climeworks ใกล้กรุง Reykjavik เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์นั้น พัดลมจะดูดอากาศเข้าไปในกล่องดำขนาดใหญ่ซึ่งกักก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้บนแผ่นกรอง จากนั้นคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกทำให้ร้อนด้วยพลังงานจากภูเขาไฟ แล้วนำไปรวมกับน้ำก่อนจะถูกฉีดลึกลงไปยังชั้นหินบะซอลต์ใต้ดิน ซึ่งในเวลาไม่กี่ปีคาร์บอนไดออกไซด์เหล่านั้นก็จะกลายเป็นหิน
แต่ทั้งนี้การสร้างและทำโรงงานของบริษัท Climeworks ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น ที่โรงงาน Orca จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศราว 10 เปอร์เซ็นต์ของที่สกัดมาได้ และ Daniel Egger หัวหน้าเจ้าหน้าที่การพาณิชย์ของ Climeworks กล่าวว่าแม้บริษัทของเขาจะทำงานอยู่ใน "ระดับอุตสาหกรรม" แต่ก็ยังไม่ใช่จุดที่จะสามารถสร้างความแตกต่างในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ แผนงานของ Climateworks คือการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากอากาศให้ได้ปีละหลายล้านตันภายในปี 2030 ซึ่งก็หมายถึงการต้องเพิ่มขีดความสามารถขึ้น 10 เท่าตัวในทุก ๆ สามปี
ส่วนบริษัท Carbon Engineering มีโรงงานหลายๆ แห่งที่ใช้พลังงานหมุนเวียนหรือก๊าซธรรมชาติ และข้อดีของการใช้ก๊าซธรรมชาติคือคาร์บอนไดออกไซด์ที่สร้างขึ้นก็จะถูกดักจับกลับคืนมา
นอกจากนี้แล้ว เทคโนโลยีอีกวิธีหนึ่งคือการฉีดอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปในแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ไม่ใช้งานแล้ว โดย Carbon Engineering ใช้วิธีนี้ร่วมกับบริษัทน้ำมัน Occidental Petroleum และทั้งสองบริษัทวางแผนจะสร้างศูนย์ดักจับก๊าซคาร์บอนจากอากาศโดยตรงที่อาจมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในบริเวณ Permian Basin ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ
Colin McCormick เจ้าหน้าที่ของ Carbon Direct บริษัทในนครนิวยอร์กที่ลงทุนในโครงการกำจัดคาร์บอนและให้คำแนะนำธุรกิจต่างๆ เกี่ยวกับการซื้อบริการเหล่านี้กล่าวว่า ตอนนี้ค่าใช้จ่ายในการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศด้วยเทคโนโลยีดักจับโดยตรงนี้อยู่ที่ประมาณตันละ 500 ถึง 600 ดอลลาร์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าภายใน 10 ปีข้างหน้าค่าใช้จ่ายเรื่องนี้อาจลดลงเหลือที่ประมาณตันละ 200 ดอลลาร์หรือต่ำกว่านั้น
ขณะนี้มีบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งที่ตั้งเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ด้วยเหตุนี้บางบริษัทจึงเลือกซื้อบริการช่วยกำจัดคาร์บอน เช่น การดักจับจากอากาศโดยตรงจากธุรกิจอื่นที่ให้บริการด้านนี้โดยเฉพาะเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
และบุคคลทั่วไปก็สามารถซื้อบริการนี้ได้เช่นกัน โดย Climeworks เสนอราคาเริ่มต้นที่เดือนละ 8 ดอลลาร์สำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดก๊าซคาร์บอนซึ่งตนผลิตขึ้นมา