นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา เดินทางเยือนเมียนมาเพื่อ “ฟื้นฟูสันติภาพ” ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าการเยือนครั้งนี้มีแต่จะสร้างความชอบธรรมให้กับการยึดอำนาจของกองทัพเมียนมา ตามรายงานของสำนักข่าว Associated Press
การถ่ายทอดสดผ่านทางเพจเฟซบุ๊กทางการของผู้นำกัมพูชาเมื่อเช้าวันศุกร์ แสดงให้เห็นภาพขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของเมียนมาต้อนรับนายฮุน เซน ที่กรุงเนปิดอว์ โดยสื่อทางการของเมียนมาก็ถ่ายทอดพิธีดังกล่าวด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ นายฮุน เซน เป็นผู้นำสายอำนาจนิยมที่ครองอำนาจมาแล้ว 36 ปี และควบคุมกิจกรรมการเมืองในกัมพูชาอย่างเข้มงวด เขาเป็นผู้นำประเทศคนแรกที่เดินทางเยือนเมียนมาหลังเกิดรัฐประหารโค่นอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางออง ซาน ซู จี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
ขณะนี้ กัมพูชาดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนซึ่งเป็นตำแหน่งหมุนเวียน โดยผู้นำกัมพูชามีแผนพบกับพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เพื่อส่งเสริมข้อเสนอฉันทามติ 5 ข้อเพื่อสันติภาพในเมียนมา ตามที่สมาคมอาเซียนให้การรับรองเมื่อปีที่แล้ว
เมื่อวันพุธ นายฮุน เซน ระบุก่อนเดินทางเยือนเมียนมาว่า เขาไม่ได้ตั้งเงื่อนไขล่วงหน้าใดๆ ต่อการพบกับรัฐบาลทหารเมียนมา นอกจากหารือเกี่ยวกับเรื่องฉันทามติของอาเซียน
ฉันทามติดังกล่าวเรียกร้องให้มีการยุติความรุนแรงหลังการยึดอำนาจโดยกองทัพ ให้มีการหารือกับฝ่ายค้านเพื่อหาทางออกโดยสันติ และให้เมียนมาอนุญาตให้ทูตพิเศษของอาเซียนพบปะและไกล่เกลี่ยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง
เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ผู้นำชาติอาเซียนรวมทั้งพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย เห็นด้วยกับฉันทามติดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำของอาเซียนเมื่อเดือนตุลาคม หลังจากทูตพิเศษของอาเซียนในขณะนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบนางซู จี และนักโทษทางการเมืองคนอื่นๆ
กองทัพเมียนมาระบุว่า ผู้นำกัมพูชาจะไม่ได้รับอนุญาตให้พบกับนางซู จี เช่นกัน โดยเมื่อเดือนธันวาคม อดีตผู้นำพลเรือนของเมียนมาผู้นี้ถูกตัดสินว่ามีความผิดข้อหาปลุกปั่นและละเมิดกฎหมายควบคุมการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส เธอถูกตัดสินจำคุกสี่ปี ก่อนที่พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย จะลดโทษของเธอลงครึ่งหนึ่ง
การยึดอำนาจของกองทัพทำให้พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของนางซู จี เป็นรัฐบาลสมัยที่สองไม่ได้ แม้จะชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลายเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2020 และผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งอิสระต่างระบุว่า ไม่พบความผิดปกติอย่างสำคัญใดๆ ในการเลือกตั้งครั้งนี้
การรัฐประหารดังกล่าวทำให้เส้นทางสู่การเป็นประชาธิปไตย 10 ปีของเมียนมาหยุดชะงักลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กองทัพเมียนมาลดบทบาททางการเมืองลงหลังปกครองประเทศด้วยระบอบเผด็จการทหารมาหลายสิบปี
กองทัพเมียนมามีประวัติการใช้ความรุนแรง รวมทั้งการกดขี่ชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮีนญา และการยึดอำนาจของกองทัพครั้งนี้จุดชนวนให้เกิดการประท้วงโดยสันติทั่วประเทศ ก่อนที่กองกำลังความมั่นคงจะปราบปรามอย่างรุนแรง
ในช่วงหลังนี้ กองทัพเมียนมาใช้วิธีปราบปรามผู้เห็นต่าง ทำให้มีการสูญหาย การทรมาน และการวิสามัญฆาตกรรม รวมทั้งการโจมตีทางอากาศและทางบกต่อกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ต่างๆ ด้วย
องค์กร Assistance Association for Political Prisoners ระบุว่า กองกำลังความมั่นคงสังหารพลเรือนไปแล้วราว 1,443 คน
ในการเดินทางเยือนเมียนมาครั้งนี้ ผู้นำกัมพูชาเดินทางพร้อมรองนายกรัฐมนตรีปรัก สุคน ทูตพิเศษของอาเซียนคนปัจจุบัน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ของกัมพูชา
นักวิเคราะห์มองว่า นายฮุน เซน ผู้ครองอำนาจด้วยการเนรเทศและจำคุกฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง อาจหวังว่าการเดินทางเยือนเมียนมาครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของเขาในเวทีระหว่างประเทศที่ไม่ดีนักได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นฝ่ายค้านใต้ดินของเมียนมา ระบุว่า การจับมือกับ “ผู้นำทหารมือเปื้อนเลือด” เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ทางด้านประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย ระบุว่า ผู้นำทหารของเมียนมาจะยังคงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมประชุมอาเซียนต่อไปจนกว่าการปฏิบัติตามฉันทามติของอาเซียนจะมีความคืบหน้า
ที่มา: สำนักข่าว Associated Press