ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน BYD ขึ้นครองส่วนแบ่งการตลาดรถไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านการสร้างหุ้นส่วนและการตลาดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 แซงหน้าเทสลา ด้วยวิธีหาตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่น มุ่งสร้างแบรนด์ก่อนเน้นกำไร
รอยเตอร์รายงานในวันที่ 19 กันยายน ว่า BYD สามารถครองตลาดการขายรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV ได้มากกว่า 1 ใน 4 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว โดยแซงแบรนด์คู่แข่งต่าง ๆ รวมถึงเทสลา ผู้ผลิตรถ EV สัญชาติสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์และตัวแทนจากบริษัทหุ้นส่วนของ BYD ให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า ความสำเร็จของ BYD ในระยะต้นนี้ เกิดจากการตั้งราคาผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดใจ การกระจายการจัดจำหน่ายรถให้กับบริษัทท้องถิ่นขนาดใหญ่ ทำให้ BYD สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งในด้านของรสนิยมผู้บริโภคและความซับซ้อนของกฎหมายในแต่ละพื้นที่
แนวทางการสร้างหุ้นส่วนของ BYD เป็นสิ่งที่บริษัทผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นเคยทำกับบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแล้วในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา วิธีการนี้ทำให้ BYD เข้าถึงส่วนแบ่งการตลาดได้เร็วกว่า บ.เทสลา ที่เลือกใช้แนวทางแบบทำเองคนเดียว
คู่ค้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายของ BYD ในภูมิภาคนี้ มีทั้ง Sime Darby ในมาเลเซียและสิงคโปร์ Bakrie & Brothers ในอินโดนีเซีย Ayala Corp ในฟิลิปปินส์ และ Rever Automotive ในประเทศไทย
โซเมน มันดัล นักวิเคราะห์อาวุโสจากองค์กรวิจัยด้านการตลาด Counterpoint Research ระบุว่า BYD กำลังให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์มากกว่าการทำกำไรสูงสุด โดยระบุว่า “การให้คู่ค้าท้องถิ่นมีส่วนต่างกำไรที่มากขึ้น BYD ก็สามารถสร้างความเชื่อใจและความภักดีในแบรนด์ และเตรียมการสำหรับการขยายตัวเพิ่ม”
รอยเตอร์ติดต่อ BYD เพื่อขอความเห็น แต่ไม่ได้รับการตอบรับ
ข้อมูลจาก Counterpoint ระบุว่า ในไตรมาสที่สองของปี 2023 แบรนด์ BYD มียอดขายรถยนต์อยู่ที่ 26% จากรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งยังถือว่าเป็นตลาดขนาดเล็กแต่ก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยรถรุ่น Atto 3 ที่มีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยที่ 30,000 ดอลลาร์ (ราว 1 ล้านบาท) ก็กลายเป็นรถ EV ที่ขายดีที่สุดในภูมิภาค ในขณะที่รถรุ่นพื้นฐานที่สุดของ Tesla รุ่น Model 3 มีราคาในไทยอยู่ที่ 57,500 ดอลลาร์ (ราว 2 ล้านบาท)
ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 รถ EV มีสัดส่วนการขายอยู่ที่ 6.4% ของตลาดยานยนต์โดยสารทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 3.8% ในไตรมาสที่แล้ว โดยตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีโอกาสที่จะมีความสำคัญต่อผู้ผลิตรถ EV มากขึ้น หลังคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะสอบสวนเรื่องแนวทางการอุดหนุนราคารถ EV ของรัฐบาลปักกิ่ง
ข้อมูลจาก Counterpoint ระบุว่า ช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ ไทยมียอดซื้อรถ EV จาก BYD ที่ 24% จากยอดซื้อนอกประเทศจีนทั้งหมด และถือว่าเป็นตลาดต่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุดของ BYD ในขณะที่ยอดขายของเทสลาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของยอดขายทั้งหมดทั่วโลก
ทั้งนี้ BYD ลงทุนเกือบ 500 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโรงงานใหม่ในไทยซึ่งจะมีกำลังการผลิตรถ EV ราว 150,000 คันต่อปีตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป โดยจะส่งออกไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรปเป็นหลัก
- ที่มา: รอยเตอร์