Your browser doesn’t support HTML5
ผู้ประกอบการที่ท่าเรือสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าต้นทุนกำลังสูงขึ้นจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างอเมริกากับจีน หลังจากที่มีการขึ้นภาษีตอบโต้กันของสองประเทศ
นายเหลียง เหลี่ยง เจ้าของธุรกิจคลังสินค้าที่รัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจทำให้ค่าใช้จ่ายเรื่องการจัดระบบสินค้าที่ท่าเรือเพิ่มขึ้น 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
ขณะเดียวกันนายสตีเฟน ชุง ประธานสมาคมการค้า World Trade Center Los Angles กล่าวว่ าต้นทุนของการขนส่งและบริหารคลังสินค้าได้รับผลกระทบทั่วหน้า ไม่ใช่เฉพาะกับสินค้าที่ถูกขึ้นภาษี เนื่องจากต้องมีการปรับระบบขนส่งและการบริหารจัดการศูนย์เก็บสินค้า อันเนื่องมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ขณะเดียวกันในภาคเกษตรกรรม ฟาร์มสุกรสหรัฐฯ บางรายได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าด้วยเช่นกัน
ไบรอัน ดันแคน (Brian Dunca) กล่าวว่า ตั้งแต่มีขึ้นภาษีนำเข้า เขาประสบความยากลำบากในการส่งออกหมูไปยังประเทศจีน
กิจการของเขาซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Polo รัฐอิลลินอยส์ ผลิตหมู 7 หมื่นตัวต่อปี และนายดันแคนกล่าวว่า จากเดิมที่เคยคาดหวังกำไรจากการขายหมูไปจีน ขณะนี้เขาอาจจะกลับมาขาดทุนจากตลาดสำคัญดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จากสำนักงานด้านการเกษตรของรัฐอิลลินอยส์ ทามารา เนลเซน (Tamara Nelsen) กล่าวว่า การแข่งขันให้ได้มาซึ่งส่วนแบ่งตลาดในต่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญ และหากเสียลูกค้าต่างประเทศ บางครั้งความพยายามให้ได้มาซึ่งส่วนแบ่งตลาดดังเดิมอาจใช้เวลาหลายปี
เมื่อปีที่แล้ว สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนจีนซื้อสินค้าอเมริกันมูลค่า 1 แสน 3 หมื่นล้านดอลลาร์
และในวันศุกร์ ทางการจีนรายงานว่า จีนได้ดุลการค้าสหรัฐฯ ในเดือนที่แล้ว มูลค่า 2 หมื่น 9 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าเดือนพฤษภาคม ซึ่งได้ดุลอยู่เกือบ 2 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์
สำหรับช่วง 6 เดือนแรกจีนได้ดุลการค้าประมาณ 1 แสน 3 หมื่น 4 พันล้านดอลลาร์
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของห้องข่าววีโอเอ)