ชาวมุสลิมในพม่าหลายคนไม่เชื่อว่าเหตุเพลิงไหม้มัสยิดในย่างกุ้งในวันอังคารเป็นอุบัติเหตุ

  • Daniel Schearf
ตำรวจพม่ารายงานว่าเกิดเหตุไฟไหม้ที่โรงเรียนในมัสยิดแห่งหนึ่งในนครย่างกุ้งเมื่อช่วงเช้าวันอังคาร ทำให้เด็กนักเรียนเสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิมในพม่ายังคงคุกรุ่น

รถตำรวจของพม่าหลายคันจอดปิดถนนทางเข้ามัสยิดแห่งหนึ่งในนครย่างกุ้งที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงเช้าวันอังคารตามเวลาในพม่า ท่ามกลางชาวพม่าจำนวนมากที่มุงดูเหตุการณ์ ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาตีสองห้าสิบนาที ขณะที่เด็กนักเรียนราว 70 คนในโรงเรียนกินนอนภายในมัสยิดแห่งนั้นกำลังหลับไหล เด็กๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กกำพร้าหลบหนีควันไฟออกมาได้หลายคน แต่มีเด็กติดอยู่ชั้นบนของมัสยิด 13 คนซึ่งทั้งหมดเสียชีวิต

Thant Zaw Oo เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบล Botahtaung สถานที่เกิดเหตุ กล่าวว่าทุกคนต่างเศร้าสลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ผู้นี้ระบุว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากหม้อแปลงในมัสยิดร้อนจัดจนทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร คาดว่าเด็ก 13 คนที่เสียชีวิตนั้นไม่สามารถกระโดดหนีออกมาจากชั้นบนได้เพราะหน้าต่างติดเหล็กดัด ซึ่งเด็กเหล่านั้นอายุระหว่าง 13-14 ปี ด้านคุณ Khin Than Soe เจ้าหน้าที่องค์การกาชาดสากลใน Botahtaung เล่าว่าไฟไหม้ออกมาจากด้านในของมัสยิด และเธอช่วยเด็กออกมาได้ราว 30 คน

แม้ว่าทั้งเจ้าหน้าที่และตำรวจพม่าต่างยืนยันว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ แต่การเสียชีวิตของเด็กหลายคนภายในมัสยิดก็ทำให้ชาวมุสลิมหลายคนตั้งข้อสังเกตต่อช่วงเวลาที่เกิดเพลิงไหม้ เพราะก่อนหน้านี้มีมัสยิดและชุมชนชาวมุสลิมถูกเผาหรือทำลายไปแล้วหลายแห่งโดยเฉพาะในเมือง Meikhtila สืบเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิมในพม่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้

ปกติเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกในพม่าซึ่งมีมาตรฐานความปลอดภัยค่อนข้างต่ำ แต่ชาวมุสลิมบางคนบอกกับผู้สื่อข่าวว่าเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งล่าสุดนี้อาจเป็นการวางเพลิง เพราะแผงวงจรไฟฟ้าในมัสยิดยังอยู่ในสภาพดีและได้กลิ่นน้ำมันเบนซินในที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยัน