Your browser doesn’t support HTML5
หลังจากที่หนังสือพิมพ์แนวประโคมข่าวของอังกฤษเปิดเผยรายงานของทูตอังกฤษประจำสหรัฐ นายคิม ดาร์ร็อค ผู้ประเมินประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการทำงานของทำเนียบขาวว่าขาดความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่และด้อยความสามารถ
วันนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตตอบโต้ โดยเรียกนักการทูตของอังกฤษผู้นี้ว่าเป็น "บุคคลที่โง่เขลามาก"
โดยผู้นำสหรัฐระบุว่า นักการทูตผู้เสียสติที่ถูกทางการอังกฤษยัดเยียดให้มาทำงานในสหรัฐผู้นี้ ไม่ได้เป็นคนที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นหรือพึงพอใจแต่อย่างใด
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังทวีตโจมตีด้วยว่า ทูตอังกฤษซึ่งเข้ามารับหน้าที่ที่ กรุงวอชิงตันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ควรพูดคุยกับประเทศของตัวเองและนายกรัฐมนตรีเธเรซา เมย์ เกี่ยวกับความล้มเหลวของการเจรจา Brexit
และไม่ควรวุ่นวายใจกับคำวิพากษ์ตำหนิของตนว่าเรื่องดังกล่าวถูกจัดการอย่างไม่เหมาะสม เพราะตนได้เคยให้คำแนะนำแก่นายกรัฐมนตรีเมย์ไปแล้วว่าควรจะทำอย่างไร
"แต่เธอก็ยังทำตามแบบของเธอเองอย่างโง่ๆ อยู่ และไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ ซึ่งถือเป็นความหายนะอย่างแท้จริง" ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว
SEE ALSO: 'ทรัมป์' หารือ 'เมย์' ท่ามกลางการประท้วงในกรุงลอนดอนนอกจากนั้นผู้นำสหรัฐยังทวีตเสริมด้วยว่า ตนไม่รู้จักกับนายคิม ดาร์ร็อค ผู้นี้ แต่ได้รับรายงานว่าเขาเป็นคนที่หยิ่งยโส และควรบอกให้รู้ด้วยว่าขณะนี้สหรัฐมีเศรษฐกิจและกองทัพที่ดีที่สุดในโลก
ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตโจมตีดังกล่าว นายเจอเรมี่ ฮันท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ ก็ตอบโต้โดยกล่าวว่า คำกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีเธเรซา เมย์ และอังกฤษนั้น เป็นการดูหมิ่นที่ขาดความเคารพและเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
พร้อมทั้งยืนยันว่า หากตนได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนต่อไป ตนก็จะยังให้นายคิม ดาร์ร็อค ดำรงตำแหน่งทูตอังกฤษประจำสหรัฐต่อไปด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษเสริมด้วยว่า ทูตสหรัฐประจำประเทศต่างๆ ทั่วโลก ก็ทำการประเมินและให้ความเห็นส่วนตัวอย่างตรงไปตรงมาแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเช่นกัน เหมือนอย่างที่ทูตของอังกฤษรายงานกลับไปยังกรุงลอนดอน
ขณะเดียวกัน ทางการอังกฤษก็กำลังพยายามสืบหาต้นตอของผู้ที่นำรายงานของนักการทูตผู้นี้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน โดยขณะที่โฆษกของนายกรัฐมนตรีอังกฤษบอกกับผู้สื่อข่าวว่า การปล่อยข่าวเรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและน่าเสียใจ แต่รัฐบาลอังกฤษก็ไม่ได้ปฏิเสธเกี่ยวกับเนื้อหาและความถูกต้องของโทรเลขทางการทูตซึ่งสื่อมวลชนของอังกฤษนำมาเปิดเผย
โดยปกติแล้ว โทรเลขหรือการสื่อสารทางการทูตต่างๆ ถือเป็นความลับและมีขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการพิจารณาของรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงเท่านั้น
สำหรับกรณีนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษเชื่อว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังน่าจะเป็นนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษผู้ที่มีเจตนาทางการเมืองบางอย่าง
และหากสามารถพบตัวผู้ที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ก็อาจมีการตั้งข้อหาเรื่องการละเมิดกฎหมายความลับของทางการ ถึงแม้ว่าการดำเนินคดีเพื่อเอาผิดอย่างจริงจังนั้นมักจะไม่ค่อยเกิดขึ้นก็ตาม