เกิดเหตุระเบิดที่บริเวณทางเข้าสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถานในวันจันทร์ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน โดยมี 2 คนเป็นเจ้าหน้าที่ของสถานทูต
สื่อทางการของรัสเซียรายงานโดยอ้างข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศและพยานในเหตุการณ์ว่า “ผู้ก่อการร้ายที่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ทำการจุดระเบิด” ขณะที่ เจ้าหน้าที่การทูตของรัสเซียรายหนึ่งกำลังเดินออกมานอกพื้นที่สถานทูตเพื่อประกาศรายชื่อชาวอัฟกันที่มายืนเข้าแถวรอขอวีซ่าอยู่
ทั้งนี้ ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่การทูตรัสเซียคนดังกล่าวว่า เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บเพียงใด
คาลิด ซาดราน โฆษกกรมตำรวจคาบูล กล่าวว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายคือผู้ที่ทำการโจมตีครั้งนี้ แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของตาลิบันสามารถสังหารตัวมือปืนได้ก่อนที่จะบรรลุเป้าหมายการจุดระเบิด
ซาดราน ทวีตข้อความที่ระบุว่า “มือระเบิดตั้งใจที่จะจุดระเบิดตัวเองท่ามกลางฝูงขน แต่กองกำลังความมั่นคงเข้าสกัดและชี้เป้าไว้ได้ก่อนที่เจ้าตัวจะบรรลุเป้าหมาย ซึ่งทำให้เกิดการระเบิดขึ้น”
โฆษกกรมตำรวจคาบูลยังยืนยันด้วยว่า มีพลเรือนชาวอัฟกันเสียชีวิต 4 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้อย่างน้อย 10 คน
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า สถานทูตของตนในกรุงคาบูล “กำลังติดต่อสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับหน่วยพิเศษของอัฟกานิสถานซึ่งสั่งเริ่มการสอบสวนเหตุตการณ์ครั้งนี้แล้ว”
ขณะเดียวกัน เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียและ ซิโรจิดดิน มูริดดิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐทาจิกิสถาน ร่วมกันไว้อาลัยต่อเหยื่อเหตุสลดครั้งนี้ก่อนจะเริ่มการประชุมทวิภาคีในกรุงมอสโก
ทั้งนี้ ยังไม่มีผู้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับสำนักงานด้านการทูตในเมืองหลวงของอัฟกานิสถานนับตั้งแต่กลุ่มตาลิบันเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อปีที่แล้ว
อับดุล กาฮาร์ บัลคี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศตาลิบัน กล่าวว่า กองกำลังฝ่ายความมั่นคงได้เริ่มการสอบสวนลงลึกแล้วและได้เสริมกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่สถานทูตรัสเซียแล้วด้วย
บัลคี ทวีตข้อความที่ระบุว่า “เอมิเรตอิสลามนั้นมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับสหพันธรัฐรัสเซีย และจะไม่ยอมให้ศัตรูเข้ามาบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศด้วยการกระทำเยี่ยงนี้เป็นอันขาด”
หลังกลับมาปกครองอัฟกานิสถานอีกครั้ง กลุ่มตาลิบันได้ทำให้ประเทศนี้โดยรวมมีความมั่นคงมากขึ้น แต่เหตุการระเบิดที่พุ่งเป้าไปยังกลุ่มหมอสอนศาสนาที่สนับสนุนตาลิบันและสมาชิกชุมชนมุสลิมนิกายชีอะห์ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยกลับเกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้น โดยกลุ่มอิสลามจังหวัดโคราซาน หรือ ISIS-K ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีเกือบทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตาลิบันยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนสำเร็จเมื่อเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว
ปัจจุบัน จีน อิหร่าน ปากีสถาน กาตาร์ รัสเซีย ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอุซเบกิสถาน คือ บรรดาประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกันที่ยังเปิดสถานทูตของตนอยู่ในกรุงคาบูล ขณะที่ สหรัฐฯ และชาติตะวันตกทั้งหลายย้ายที่ทำการหน่วยงานด้านการทูตของตนไปอยู่ที่โดฮา เมืองหลวงของกาตาร์แล้ว
- ที่มา: วีโอเอ