ทำเนียบขาวเผย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีของจีน สี จิ้นผิง จะพบกันแบบซึ่งหน้า เป็นครั้งแรกในปีนี้ในวันพุธหน้า ในจังหวะที่มีหลายปัจจัยที่ต้องหารือ เพื่อลดความตึงเครียดของสองมหาอำนาจ
รอยเตอร์รายงานว่า การหารือของผู้นำสหรัฐฯ และจีน จะจัดขึ้นเป็นเวทีนอกรอบ ในช่วงที่มีการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ และอาจกินเวลาหลายชั่วโมง โดยจะมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นคณะทำงานของรัฐบาลปักกิ่งและรัฐบาลวอชิงตันอยู่ร่วมการหารือด้วย
เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งในรัฐบาลไบเดน ระบุโดยไม่ประสงค์ออกนาม คาดว่าประเด็นที่สองผู้นำจะคุยกัน มีตั้งแต่เรื่องสงครามอิสราเอล-ฮามาส การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือ-รัสเซีย ประเด็นไต้หวัน สิทธิมนุษยชน ยาแก้ปวดที่มีสารโอปิออยด์ หรือเฟนทานิล ปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่มีความเป็นธรรม
แหล่งข่าวดังกล่าวได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า “จะมีการหารืออย่างเต็มที่ ทุกอย่างจะอยู่บนโต๊ะเจรจา” และกล่าวด้วยว่า “เรารู้ว่าความพยายามที่จะชักนำ หรือปฏิรูปจีนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมานั้นล้มเหลว แต่เราคาดหวังว่าจีนจะยังดำรงอยู่ และเป็นผู้เล่นคนสำคัญในเวทีโลกในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเรา”
ในวันศุกร์ ทำเนียบขาวได้ยืนยันเวลานัดหมายของสองผู้นำ ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวในวันเดียวกันว่า ปธน.สี จะอยู่ที่สหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 14-17 พฤศจิกายนเพื่อร่วมเวที APEC และพบกับ ปธน.ไบเดน
รอยเตอร์รายงานว่า สองผู้นำจะพูดคุยกันจากจุดยืนทางความคิดที่แตกต่างกันมหาศาล โดยนับตั้งแต่การคุยกันครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว สหรัฐฯ พยายามที่จะลดทอนความบาดหมางทางการทูตที่มีอยู่หลัง ปธน.ไบเดนสั่งให้ยิงสิ่งที่สงสัยว่าเป็นบอลลูนสอดแนมของจีนลงจากน่านฟ้าสหรัฐฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ผลที่มีการคาดหวังจากการคุยที่จะมาถึงนี้ คือความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีขึ้น การสัญญาว่าจะมีการพูดคุยในประเด็นสำคัญ ๆ ต่อไป ได้แก่เรื่องปัญหาสภาพอากาศ สาธารณสุขระดับโลก เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การปราบปรามยาเสพติด และการกลับมามีช่องทางสื่อสารกันระหว่างกองทัพทั้งสองชาติ ที่มีการระงับไป
แหล่งข่าวที่ร่วมให้ข้อมูลอีกสองรายระบุว่า ทั้งสองชาติอาจจะมีท่าทีเป็นมิตรต่อกัน เพื่อให้การพูดคุยเป็นไปได้อย่างสะดวก แต่เจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯ และจีนกล่าวว่าการแข่งขันในทางการทหาร เศรษฐกิจ และอิทธิพลทางการทูต อาจเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการทำงานที่ลงลึกไปมากกว่านั้น
ไบเดนและสีรู้จักันมามากกว่าหนึ่งทศวรรษแล้ว และนับตั้งแต่ไบเดนรับตำแหน่งประธานาธิบดี ก็ได้คุยกับผู้นำสูงสุดของจีนรายนี้มาแล้วมากกว่าหกครั้ง
นอกเหนือจากประเด็นระดับโลกที่คาดว่าจะมีการหารือ ยังมีการคาดการณ์ด้วยว่า ไบเดนจะยกประเด็นเรื่องบทบาทอิทธิพลของจีนต่อการเลือกตั้งในต่างประเทศ และการคุมขังพลเมืองสหรัฐฯ ในจีนที่รัฐบาลวอชิงตันเชื่อว่าไม่มีความชอบธรรม
นักการทูตในกรุงวอชิงตัน ประเมินว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่จะมาถึงนี้ รัฐบาลปักกิ่งจะทดสอบสหรัฐฯ ด้วยการฉวยโอกาสสร้างอิทธิพลในพื้นที่อินโด-แปซิฟิก ในขณะที่สหรัฐฯ หันเหความสนใจไปที่ยูเครนและอิสราเอล
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งคาดว่า ไบเดนจะกล่าวกับสี ว่าความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในพื้นที่อินโด-แปซิฟิกยังคงไม่เปลี่ยนไป ในจังหวะที่จีนมีท่าทีแข็งกร้าวขึ้นในพื้นที่ช่องแคบไต้หวันและทะเลจีนใต้ นอกจากนั้น ไบเดนก็คงจะกดดัน ปธน.สี เพื่อสร้างภาพให้อิหร่านเห็นว่า การที่จะขยายปมความขัดแย้งในพื้นที่ตะวันออกกลางนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาด
- ที่มา: รอยเตอร์