ทำเนียบขาวประกาศในวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมเดินทางเยือนเวียดนามในเดือนหน้าเพื่อพบกับ เหงียน ฟู จ่อง (Nguyen Phu Trong) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและผู้นำคนอื่น ๆ
การเดินทางเยือนเวียดนามที่มีการพูดถึงมาสักพักแล้วจะเกิดขึ้นในวันที่ 10 กันยายน โดยปธน.ไบเดนจะใช้เวลาเพียง 1 วันที่กรุงฮานอยหลังเสร็จสิ้นภารกิจการเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี20 ที่อินเดียแล้ว
คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุในแถลงการณ์ว่า “ผู้นำ(สองประเทศ)จะแสวงหาโอกาสในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามที่มุ่งเน้นเรื่องของเทคโนโลยีและมีนวัตกรรมเป็นตัวผลักดัน ขยายความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนและประชาชนผ่านการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาและโครงการพัฒนาแรงงาน ต่อสู้การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ยกระดับสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรืองและเสถียรภาพในภูมิภาค”
การยืนยันแผนการเยือนเวียดนามของผู้นำสหรัฐฯ ในครั้งนี้มีออกมา หลังไบเดนเปรยเกี่ยวกับแผนการดังกล่าวมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่เข้าร่วมงานเลี้ยงระดมทุนหาเสียงวันที่ 29 กรกฎาคม ที่รัฐเมน ซึ่งมีการระบุว่า ผู้นำเวียดนามต้องการพบกับตน ก่อนจะมาพูดอีกครั้งเมื่อต้นเดือน ขณะร่วมงานเลี้ยงที่รัฐนิวเม็กซิโก ว่า ตนจะไปเยือนเวียดนามในเร็ว ๆ นี้
มีการตั้งข้อสังเกตว่า ปธน.ไบเดนพยายามเร่งพัฒนาและขยายความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาตลอด ท่ามกลางความวิตกกังวลของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและทางทหารของจีนในภูมิภาคดังกล่าว
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เองได้พยายามเสริมสร้างความสัมพันธ์กับเวียดนามมาหลายปีแล้ว ขณะที่ กรุงฮานอยก็ดูมีความระมัดระวังในการใกล้ชิดกับกรุงวอชิงตัน ในช่วงที่จีนและรัสเซียมีฐานะเป็นคู่ค้าหลักของประเทศอยู่
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ปธน.ไบเดนเพิ่งทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในการประชุมสุดยอดผู้นำครั้งประวัติศาสตร์ที่แคมป์เดวิด อันเป็นสถานที่พักตากอากาศอย่างเป็นทางการของผู้นำสหรัฐฯ เพื่อสรุปความข้อตกลงด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจครั้งใหม่ระหว่างกัน
SEE ALSO: สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หารือที่เเคมป์เดวิด มุ่งต้านเกาหลีเหนือและจีน
ผู้นำรัฐบาลกรุงวอชิงตันหาทางนำพาเกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่มีประวัติเป็นคู่อริกันในอดีต ให้มีความใกล้ชิดกัน ด้วยการใช้ประเด็นความกังวลที่ทั้ง 3 ประเทศมีร่วมกัน ซึ่งก็คือ ท่าทีอหังการของจีนในภูมิภาคแปซิฟิกและโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
- ที่มา: เอพี